กพูดถึงสาวที่มีความสามารถหลากหลาย ต้องมีชื่อของ ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ แน่นอน เพราะเธอคนนี้เป็นมาแล้วทั้ง นางแบบ อินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ ศิลปิน และนักแสดง ล่าสุดเธอกำลังมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “ขุนพันธ์” ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายวันที่ 1 มี.ค. นี้ ในโรงภาพยนตร์ ล่าสุด “ดาวต่างมุม” มีโอกาสได้พูดคุยกับสาวฟ้าถึงบทบาทการแสดงสุดท้าทายครั้งนี้ รวมไปถึงเส้นทางในวงการตลอดทั้ง 10 ปี มุมมองของการเป็นคนดังที่อยู่ท่ามกลางคอมเมนต์ในโลกโซเชียล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนที่แข็งแรงขึ้น ไปจนถึงตัวตนที่แท้จริงและความฝัน รวมทั้งอัปเดตเรื่องหัวใจกับแฟนหนุ่ม นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต ที่แม้ไม่ได้โพสต์รูปคู่ให้ได้เห็นกันบ่อย แต่ความรักก็หวาน และเต็มล้นด้วยความเข้าใจ!

มาร่วมโปรเจกต์ “ขุนพันธ์ 3” ได้ยังไง และคิดว่าอะไรคือความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้?

“พี่โขม (ก้องเกียรติ โขมศิริ) เคยเห็นงานแสดงของฟ้า และเรียกเรามาคุย และก็ได้เล่น จริง ๆ ฟ้าก็ค่อนข้างกังวลในตอนแรก เพราะก็มีความยาก เราไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้ ส่วนความน่าสนใจของโปรเจกต์นี้ ฟ้าว่าทุกคนรู้กันว่า ‘ขุนพันธ์’ เป็นเหมือนตำนานของวีรบุรุษประเทศเรา ยิ่งใหญ่ แค่รู้ว่าเป็นแบรนดิ้งขุนพันธ์ เราก็อยากทำงานด้วยแล้วค่ะ”

พูดถึงบท “สาวิตรี” หมอหญิงในชุมโจร บทบาทจะเป็นยังไง?

“สำหรับ ‘สาวิตรี’ เป็นหมอที่รักในจรรยาบรรณความเป็นหมอ มีความเมตตาสูง ถ้าเป็นคนไข้ เขารักษาหมด บังเอิญโดน ‘เสือมเหศวร’ ลักพาตัวมาอยู่ในชุมโจร เพื่อให้รักษาผู้คนในชุมโจรที่เกิดโรคระบาด เลยอยู่ในชุมโจรและรักษาคนที่นั่น ด้วยความที่เป็นหมอ เธอรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นโจรหรือเป็นอะไรก็ตาม ทุกคนต่างมีเรื่องราวและมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น อยู่ไปสักพักก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมเขาจึงมาเป็นโจร เริ่มมีอุดมการณ์ตรงกัน และอยากทำอะไรตามอุดมการณ์นี้ให้สำเร็จ ตอนอ่านบทฟ้ารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมาก มีอุดมการณ์ มีความคิดที่ดีและพร้อมสู้ ฟ้ารู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายและไม่ได้เจอประสบการณ์แบบนี้ในชีวิตจริงแน่นอน ทั้งอาชีพหมอ ทั้งในเรื่องสงครามการต่อสู้ด้วย ยุคสมัย แล้วพี่โขมให้อิสระให้ฟ้าได้ดีไซน์เรื่องคำพูดหรือความคิดของตัวละคร สาวิตรีน่าจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่บู๊ขนาดนี้”

มีมุมมองต่อการเป็นหมอหญิงในชุมโจร ที่รักษาคนและหยิบปืนมายิงทำร้ายคน ซึ่งค่อนข้างคอนทราสต์กันนี้ยังไงบ้าง

“หลัก ๆ เลยจรรยาบรรณของการเป็นหมอ คือการรักษาคน จริง ๆ จะเป็นคนดีหรือเลว สาวิตรีก็รักษาหมด แค่ในกระเป๋าไม่ได้มีแค่เข็ม มีปืนด้วย พอมันถึงจุดที่ต้องสู้ก็ต้องควักปืนมาสู้ได้ เป็นหมอที่มีความอ่อนโยนและต้องบ้าระห่ำในเวลาเดียวกันค่ะ”

อยากให้แฟน ๆ ได้ Message อะไรจากเรื่องนี้มากที่สุด?

“เรื่องความศรัทธาที่คนมีให้กับขุนพันธ์ กับตัวหนัง มันมีความ Exotic ของหนังไทย ทั้งเรื่องวิชาคงกระพัน มันเป็นเรื่องที่เราเคยได้ยินมา แล้วมันให้หนังมีมนต์ขลัง มันคือเสน่ห์สำหรับหนังไทย ไม่ค่อยเห็นหนังที่ทำออกมาเป็นความรู้สึกแบบนี้ จริง ๆ อยากให้คนดูสนุกไปกับมันก็พอแล้ว ไม่ต้องจดจำเราเป็นอะไรก็ได้ เขาจอยไปกับหนัง เห็นเราเป็นตัวละคร ฟ้าแฮปปี้แล้ว ไม่ได้คาดหวังเป็นนางเอกพันล้าน ฟ้าว่ามันฟินตั้งแต่ที่เราได้เล่นแล้ว แค่คนดูชอบ เขามาบอกฟ้าว่าสนุกกับหนัง ก็ฟินแล้วค่ะ”

อัปเดตเรื่องชีวิตบ้าง ทำมาแล้วเกือบทุกบทบาท เคยถามตัวเองมั้ยว่างานไหนที่เป็นตัวเราเองมากที่สุด?

“ฟ้าว่าตัวตนของเราก็คือทั้งหมดที่พาเรามาถึงตรงนี้ มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเราจะทำอะไรมากี่อย่าง คนเรามันลองได้เยอะมาก บางทีฟ้าก็เฟล ไม่ประสบความสำเร็จกับหลายอย่าง สุดท้ายพอมันเจอแล้วเราจะรู้เองว่าอะไรมันดีกับเรา แล้วรอบข้างมันจะพาเราไปเอง ฟ้าก็ไม่รู้นะว่าตัวเองมาถึงตรงนี้ได้ยังไง มันก็งง ๆ แต่เราก็เลือกทำในสิ่งที่เราชอบ และมันก็พาเราไปเอง ตอนทำยูทูบฟ้าก็ชอบ ตอนเป็นนักร้อง ฟ้าก็ชอบร้องเพลงจริง ๆ งานแสดงฟ้าก็ชอบ ไม่มีอันไหนที่เราฝืนใจทำ ตัวตนของเราก็เปลี่ยนไปตามความชอบ คนเรามันเปลี่ยนตลอดอยู่แล้ว เราโตขึ้นก็เปลี่ยนไป ไปในทางที่ดีบ้าง ในทางที่แย่บ้าง มันก็เป็นปกติของชีวิต”

เข้ามาในวงการไม่พ้นการโดนจับตามอง คอมเมนต์ต่าง ๆ และความคาดหวัง ส่วนตัวมีวิธีรับมือกับสิ่งเหล่านี้ยังไง?

“รับมือได้ ฟ้าว่าไม่ต้องเป็นคนดัง ก็จะมีสังคมรอบ ๆ ที่เขาคอยมีคำวิจารณ์ เราอยู่ในสังคมมันมีความคิดเห็นของคนรอบ ๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราทำความเข้าใจมากกว่า พอเราเข้าใจก็จะรู้ว่าอันไหนควรเทค อันไหนไม่ควรเทค และเราก็แค่อยู่กับมันให้ได้ แล้วเรารู้สึกดีกับมันได้เอง มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ เรามองให้เป็นเรื่องปกติ ก็จะรู้สึกว่าโอเค”

ด้วยความที่ป๊อปมาตั้งแต่เด็ก ๆ เคยนอยด์กับคอมเมนต์ในโซเชียล จนทำให้ไม่อยากไปต่อในวงการบ้างมั้ย?

“มีเยอะแยะ ถ้าอันไหนที่เป็นคำติเนกาทีฟ ถ้ามันจริงเราควรยอมรับมัน สุดท้ายมันคือตัวเรา เราอาจทำอะไรไม่ดีไป แล้วคนเห็นว่าไม่ดี เขามาติเพราะมันจริง เราแค่เทคและปรับปรุง แต่ถ้ามันเป็นคำพูดที่ดีก็เป็นกำลังใจ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี มันมีประโยชน์หมด คำพูดที่ทำให้เราไม่อยากอยู่จุดนี้แล้วก็มี แต่ไม่ค่อยสนใจ ไม่รู้ดีกว่า เราเลือกที่จะรับได้ แค่รู้สึกว่าคนเราใจดีต่อกันกว่านี้ได้ บางครั้งฟ้าก็รู้สึกว่าถ้าเขาไม่ชอบเราก็เรื่องของเขา เราก็ใช้ชีวิตต่อไป เขาไม่ได้มาอยู่กับเรา ไม่ได้มาลำบากกับเรา ไม่มีความจำเป็นที่ต้องแบกมันไว้ตลอด ซึ่งคำพูดที่มีผลกับใจจะเป็นฟีลแบบเขาไม่ชอบที่เราเป็นเรา ซึ่งเราแก้อะไรไม่ได้ แค่เซ็งที่เขาไม่ชอบเราทั้งที่ไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ แต่ก็เข้าใจได้ เพราะโซเชียลมันเห็นแค่ไม่กี่ด้านของเรา ไม่แปลกที่เขาจะตัดสินเราจากแค่นั้น”

อยู่วงการ 10 กว่าปีแล้ว คิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน?

“ฟ้าว่าฟ้าแข็งแรงขึ้นนะ เพราะว่าเราได้รับคำพูด คำติชม คำสอนจากคนรอบ ๆ จำนวนมาก จากคนดูด้วยสมัยที่ฟ้าเป็นยูทูบเบอร์ ฟ้าก็จะมีโลกโซเชียลที่เข้ามาตลอด หรือทำงานกับผู้ใหญ่ คนในวงการฟ้าก็รู้สึกว่า มันเชฟให้เราแข็งแรงขึ้น ให้เราเข้าใจว่านี่คือสิ่งที่เราต้องเจอในชีวิตการทำงาน ฟ้าโชคดีที่อยู่ตรงนี้และเจอผู้คนหลากหลายแบบ และคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ทำก็หลากหลาย”

มีมุมมองต่อการแข่งขันในวงการบันเทิงยุคนี้ยังไง?

“ฟ้าไม่ซีเรียสเรื่องนั้น เป็นเรื่องปกติ การแข่งขันมันเกิดขึ้น ก็อยู่ที่ว่าเราเอาตัวเองลงไปตรงนั้นมั้ย ฟ้าไม่ค่อยรู้สึกว่าต้องไปแข่งขันกับใคร เราทำงานของเราเต็มที่ แข่งกับตัวเองมากกว่า การไปแข่งกับคนอื่นไม่มีประโยชน์ในแง่นึงการทำงาน การแข่งกันเพื่อได้งานที่ดีขึ้นฟ้าชอบนะ ทำให้มาตรฐานถูกผลักดันไปต่อข้างหน้า แต่ถ้าทำจนเครียด มันไม่เวิร์ก ทำแล้วสนุกก็พอแล้วค่ะ”

มองอนาคตตัวเองในวงการ อยากประสบความสำเร็จแบบไหน?

“ฟ้าเรื่อยเปื่อยแล้ว ไม่ได้คาดหวัง ตอนนี้ฟ้าว่าจะพักไปทำอย่างอื่น งานแสดงเป็นงานที่เราเคารพ เป็นงานที่มีคุณค่า ถ้ามีโอกาสก็ทำ ส่วนตัวฟ้ารู้สึกประสบความสำเร็จในแง่ที่เรามีความสุขกับตัวเองได้แล้ว ที่เหลือเป็นโบนัสของชีวิต ได้ร่วมงานกับคนเก่ง มีโอกาสได้ทำอะไรดี ๆ ก็ทำให้แฮปปี้แล้ว ถ้าได้ถ้วยรางวัลก็ดี แต่ไม่ได้เอามาเป็นเป้าหมาย เป้าหมายของฟ้ามันเล็กน้อยมาก มีครอบครัวที่ดี มีงานที่ดี มีบ้านที่น่ารัก แค่นั้นเลย”

เป็นทั้งศิลปิน นักแสดง และยูทูบเบอร์มาแล้ว มีอะไรที่อยากเป็นอีกมั้ย?

“อยากเป็นคนสวน (หัวเราะ) ตอนนี้เหมือนเป้าหมายเรามาอยู่ที่การมีชีวิตที่เรียบง่ายขึ้น น้อยลงแต่อยู่ได้นาน ฟ้าโอเคกับหลายอย่างในชีวิตแล้ว อาจแค่มีผักที่ปลูกให้ตัวเองกิน มันอาจเป็นอะไรที่อยู่กับเราได้นาน แค่เรามีสภาพจิตใจที่ดี มีสุขภาพที่แข็งแรง คนรอบข้างเราดี ชีวิตเราก็ยอดเยี่ยมได้”

อัปเดตความรักกับ “นัท” หน่อย ยังมีอะไรที่ต้องปรับจูนอีกมั้ย?

“ก็ต้องดู ๆ กันไป มีความรักเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว เรามีแฟน เราก็ใช้ชีวิตร่วมกันไป อย่างที่บอกว่าฟ้ามีคนรอบข้างที่ดี มีแฟนที่ดี มีเพื่อนที่ดี มันดีที่สุดแล้ว คบมา 2 ปีแล้ว นัทเป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจน เรื่องงานและเรื่องชีวิต อันนี้เป็นสิ่งที่ดี เพราะฟ้าจะชิล ซึ่งมันค่อนข้างลงตัว จริง ๆ มีความต่างกันเยอะ แต่พอมันแชร์กันแล้วมันเกิดประโยชน์กับทั้งคู่ ก็ดีค่ะ”

พอมาคบหากันต้องลดความเป็นตัวตนของตัวเองลงกันมั้ย?

“ไม่ค่ะ ฟ้าว่ามันเป็นการเคารพกันมากกว่า ตัวตนของแต่ละคน ดีที่สุดในความสัมพันธ์คือการเคารพที่เขาเป็นเขา เขาเคารพที่เราเป็นเรา มีความเห็นต่างกันแต่เราแชร์กันได้ สนุกกับการที่เราปรับเข้าหากันเรื่อย ๆ เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับฟ้าด้วย”

จำจุดเริ่มต้นที่ทำให้เปิดใจคบหากันได้มั้ย อะไรในตัว “นัท” ที่ทำให้เรารู้สึกว่าอยากเปิดใจพูดคุยด้วย?

“ฟ้าอยู่กับเขาแล้วรู้สึกว่าฟ้าเป็นตัวเองได้เต็มที่ เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆซึ่งเราไปอ่อยเขา แล้วเขาก็มาจีบเรา (หัวเราะ) ทำงานด้วยกัน ก็เห็นผ่าน ๆ กันมาอยู่แล้ว สิ่งที่ฟ้ารู้สึกว่าได้เรียนรู้จากเขา คือเรื่องความชัดเจนในการทำงาน เขามีแพสชันกับงานสูง มันมีโมเมนต์ที่เขาทำงาน จนเราเห็นเลยว่ามันมีเสน่ห์ เพราะพอคนมีแพสชันกับอะไรมาก ๆ มันก็เป็นอินสไปเรชันให้คนรอบ ๆ ได้ ฟ้าเป็นคนที่ชิล บางทีไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็จะเห็นเขาเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องงานและการใช้ชีวิต ก็ได้แลกเปลี่ยนกันตรงนี้ค่ะ”

เป็นอีกคู่ที่ไม่ค่อยโพสต์รูปคู่กันในไอจีเลย มีลิมิตในการเปิดเผยเรื่องรัก หรือมุมมองการโพสต์เรื่องรักลงในโซเชียลยังไง?

“ฟ้าว่ามันแค่ไม่อยากรีบมากกว่า อยากค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป จริง ๆ ไม่เคยปิดเลยนะ ก็ลงในไอจีสตอรี่ แต่ไม่ได้โพสต์แบบทีเดียวเยอะ ๆ มันรู้สึกว่าให้มันเป็นไปตามเรื่องตามราวของมัน ถ้ามันคบกันยาวนาน มันก็มีให้เห็นเรื่อย ๆ ไม่อยากไปบังคับให้มันเกิดขึ้นขนาดนั้น ก็ให้มันค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปค่ะ”

ด้วยความที่ทำงานในวงการ ต้องเจอคนเยอะแยะมากมาย มีเรื่องหึงหวง หรือมีการคุยกันเรื่องนี้ยังไง?

“เป็นคนที่ขี้หวงทั้งคู่นะ (หัวเราะ) มันคือการคุยกันทุกเรื่อง ถ้าคุยไม่ได้ ค่อยว่ากัน คุยกันและเอามาปรับใช้กับงานเพราะความเชื่อใจเป็นสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์แข็งแรง แต่ถ้าอะไรที่ทำให้กังวล เราก็คุยกันก่อนที่จะไปทำอะไร มันง่ายมาก ”

ด้วยความเป็นคนดังทั้งคู่ มีวิธีดูแลความรักยังไง?

“ฟ้าว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ความสัมพันธ์ของคนสองคนมันแข็งแรงมากพอที่จะไปต่อสู้กับอะไรต่าง ๆ ข้างนอกอยู่แล้ว มีอะไรก็คุยและเคลียร์กัน มันคือการเชื่อใจกันมาก ๆ รักษาใจของกันคอยประคับประคองไปตลอด คนเราต้องเติมรักให้กันเรื่อย ๆ มันเป็นเรื่องง่ายมาก คนสองคนรักกันแข็งแรง ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไปด้วยกันได้ค่ะ ”

คาดหวังกับรักครั้งนี้ยังไง มองถึงขั้นสร้างครอบครัว แต่งงาน มีลูกมั้ย?

“ไม่คาดหวัง ฟ้าเชื่อว่าปัจจุบันมันดี ยังไงอนาคตมันก็ดี เราไม่ค่อยโฟกัสอะไรแล้ว โอเคตอนเด็ก ๆ ก็มีความคาดหวัง แต่ฟ้าไม่ค่อยซีเรียสเรื่องพิธีการแต่งงาน มีลูกหรือไม่มี ฟ้ารู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ามันควรจะเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นเอง ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเป็นยังไง แต่แน่นอนว่าเราจะทำให้มันดีอยู่แล้วในทุก ๆ วัน แพลนในชีวิตมีประมาณนึง เพื่อให้เราก้าวตามไป โอเคอยากใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ว่าไม่ได้บังคับตัวเองว่าต้องทำให้ได้ มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราทำปัจจุบันให้ดี อนาคตมันเกิดขึ้นจากปัจจุบันค่ะ”

ท้ายสุดนิยามความรักในแบบของ “ฟ้า”?

“ฟ้าว่าความรักมันเป็นสิ่งสวยงาม ทุกคนสามารถสัมผัสมันได้ รักตัวเอง นี่เป็นจุดที่เล็กที่สุด เริ่มต้นง่ายสุด การที่เราจะหาสิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง ถ้าเรารักตัวเองมากพอ เราก็จะเริ่มเอาคนรอบมาหาเราได้ เราให้ความรักกับคนอื่น ได้ความรักกลับมา แม้คนจะบอกว่าความรักมีทั้งแย่ ไม่ดี มันปกติ แต่แน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่มีความรักแล้ว มันเป็นเรื่องดีของชีวิตค่ะ”

เรียกว่า “ฟ้า-ษริกา ” ได้ถอดตัวตนและหัวใจ ผ่านถ้อยคำทุกตัวอักษร ที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความจริงใจ และมุมมองที่เต็มไปด้วยการมองโลกในแง่บวก ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้แฟน ๆ ทีได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้ จะเข้าใจและหลงรักเธอมากขึ้นแน่นอน.

เรื่อง : วันวิสาข์ ดอกเงิน / ภาพ : พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์