เมื่อวันที่ 26 ก.ค.นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารและจัดการผลไม้ (Fruit Board) ได้ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่เข้าฤดูกาลลำไยภาคเหนือและผลไม้ภาคใต้อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารและจัดการผลไม้ ซึ่งผลผลิตออกมาเร็วกว่ากำหนด 1 เดือน ซึ่งราคาลำไยและมังคุดในเดือน มิ.ย.อยู่ในเกณฑ์ดีส่งออกได้มากขึ้น แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่โดยเฉพาะเดือน ก.ค. ทำให้มีการออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มข้นมากกว่าเดิม โดยทางการจีน เวียดนาม รวมทั้งไทย ส่งต่อการค้าการขนส่งและการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทย จึงได้จัดประชุมทางไกลเร่งด่วนและประสานการทำงานกับสำนักงานเกษตรของไทยในจีน รวมทั้งสมาคมผู้ประกอบการค้าผลไม้ที่มีสมาชิกกว่า 900 ล้ง และผู้ให้บริการโลจิสติกส์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสรุปปัญหาล่าสุดและกำหนดมาตรการเพิ่มเติม 7 ประการ ดังนี้

1.เร่งการนำเข้าตู้คอนเทเนอร์กลับจากจีนและเวียดนาม ทั้งการขนส่งทางบกและทางเรือให้หมุนเวียนกลับมาไทยเร็วที่สุด 2.ขอการสนับสนุนจาก “ศบค.” จัดหาวัคซีนจำนวนอย่างน้อย 30,000 โด๊ส ให้แก่พนักงานและแรงงานของบริษัทส่งออกและล้ง ตลอดห่วงโซ่ผลไม้เป็นการเร่งด่วน เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานของล้งและบริษัทส่งออก 3.ผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิดและอำนวยความสะดวกให้ผู้ค้าและล้งจากภาคตะวันออกซึ่งมีกว่า 900 ล้ง สามารถเข้าไปรับซื้อผลไม้ในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นต้น 4.เร่งรณรงค์การบริโภคผลไม้ภายในประเทศ 5.ขยายการค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (B2C B2B B2F B2G) 6.เร่งระบายจำหน่ายผลไม้ออกจากพื้นที่กระจายทุกช่องทางโดยขอความร่วมมือภาคเอกชนและภาครัฐ 7.สนับสนุนคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) และหน่วยงานภาครัฐเร่งขับเคลื่อนมาตรการตามที่ได้รับการอนุมัติไปก่อนหน้านี้จากคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ ทั้งแผนงานและงบประมาณตามแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือและภาคใต้

นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ขอให้ผู้ประกอบการส่งออกเข้าจีนทางเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ใช้ด่านตงชิงและด่านผิงเสียงเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ปัญหาความแออัดของด่านโหยวอี้กวน และปรับแผนการขนส่งที่จะผ่านเวียดนาม เพราะประกาศล่าสุดของทางการเวียดนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้ามผ่านเขตกรุงฮานอย ทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางขนส่งมีระยะทางเพิ่มขึ้นอีก 150 กิโลเมตร

“การขนส่งทุกเส้นทางยากลำบากมากเพราะเป็นฤดูฝน ทั้งเส้นเชียงของผ่านด่านบ่อเตนของลาว ไปผ่านด่านโมฮ่านในสิบสองปันนาของมณฑลยูนนาน และเส้นทางจากนครพนมผ่านลาว เวียดนาม ไปจีน ที่กว่างซีจ้วง ฝนตกหนักตลอดและมีการตรวจโควิดเข้มข้นทุกด่านและบทลงโทษหากพบการปนเปื้อนโควิดก็รุนแรงมากขึ้นถึงขั้นถอนใบอนุญาตนำเข้า นอกจากนี้ยังเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้เวียดนามที่มีผลผลิตออกมามาก ทำให้การขนส่งผ่านด่านจีนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราก็ให้ทีมเกษตรและพาณิชย์ไทยในจีนช่วยดูแลหน้างานอย่างใกล้ชิดเร่งคลี่คลายความแออัด โดยทางการจีนให้ความร่วมมืออย่างดีพร้อมกับให้กำลังใจผู้ประกอบการอย่าท้อเพราะรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานโดยเฉพาะ 7 มาตรการเพิ่มเติม ซึ่งได้รายงานต่อท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเกษตรฯ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และท่านได้สั่งการทันทีให้ทุกภาคส่วนเร่งคลี่คลายแก้ปัญหา” นายอลงกรณ์ กล่าว

นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ล่าสุด จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ได้ผ่อนปรนให้ล้งเข้ารับซื้อมังคุดเพิ่มขึ้น พร้อมกันนั้นได้ขยายการค้าออนไลน์และเพิ่มบริการขนส่งโดยความร่วมมือกับบริษัทไปรษณีย์ไทย คณะอนุกรรมการอีคอมเมิร์ซ และคณะอนุกรรมการธุรกิจเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พร้อมกันนี้ได้ประสานความร่วมมือกับกรมประชาสัมพันธ์ อสมท และสื่อมวลชนทุกแขนง ช่วยรณรงค์บริโภคผลไม้ไทย เช่น ลำไย มังคุด เงาะ ลองกอง เป็นต้น เมื่อการส่งออกเริ่มติดขัดก็ปรับกลยุทธ์เพิ่มอุปสงค์ในประเทศ ตัวอย่างเช่นปีนี้มังคุดภาคใต้มีผลผลิต 165,000 ตัน เพิ่มขึ้นกว่า 20% สัดส่วนส่งออก 60% บริโภคในประเทศ 40% และผลผลิตออกเร็วกว่าปกติ 1 เดือน จนชนกับผลไม้ปลายฤดูของภาคตะวันออก แถมล้งก็ข้ามเขตไปใต้แทบไม่ได้เลยเพราะมาตรการโควิดต้องตรวจโรคและไม่มีวัคซีนฉีด แรงงานชำนาญงานขาดแคลน ปัญหารุมเร้ามากตั้งแต่ต้นทางถึงด่านส่งออก รวมทั้งฝนที่ตกกระหน่ำในลาวและเวียดนาม ไม่เว้นแต่ละวัน แต่เราก็สู้เต็มกำลังทุกวันเพื่อเกษตรกรของเรา เราจะฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน ไม่ทอดทิ้งกัน.