นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวอิศรา ถึงกรณีจดหมายแอสตร้าเซนเนก้า ที่ถูกมองว่า การจองล่าช้า มาทำในเดือนม.ค.64 จำนวน 26 ล้านโดส และอีกครั้ง เดือนพ.ค. 64 จำนวน 35 ล้านโดส เมื่อเทียบกับอาเซียนแล้ว เราค่อนข้างช้ากว่าที่อื่น อย่างแรกจดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่ไม่ได้เป็นทางการ เป็นจดหมายที่แสดงของทางผู้บริหารของแอสตร้าเซนเนก้า ได้ส่งมาขอบคุณประเทศไทย ว่าได้สนับสนุนให้เขาตั้งโรงงานผลิต สายการผลิตในประเทศไทยได้ และเขาก็สามารถที่จะจัดส่งวัคซีนให้กับคนไทยได้ตามกำหนด
“ในเรื่องของตารางที่เห็นนี้ ก็อยากจะแก้ไขนิดหนึ่งว่า อย่างที่เขาบอกว่าเดือนม.ค. 64 หรือพ.ค. 64 อันนี้เป็นวันที่เขาบันทึกลงไปในสารบบของเขา แต่จริง ๆแล้ว การคอนเฟิร์ม รัฐบาลไทยได้ลงนามไป ถ้าคุณประสงค์ จำได้ ตั้งแต่วันที่ 27พ.ย.63 ปีที่แล้วมีการลงนามที่ทำเนียบรัฐบาล มีท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน แล้วด้านหลังมีประธานของแอสตร้าเซนเนก้าจากอังกฤษร่วมลงนาม เพราะว่ามันเป็นออนไลน์ แต่ในงานเอกสารคือส่งกลับไป กว่าเขาจะส่งกลับมาใช้เวลาอีก 2 เดือนกว่า อันนี้ก็เป็นระบบของเขาไม่เกี่ยวกับเรา แต่ว่าสำหรับเราออเดอร์คอนเฟิร์ม เรียบร้อยแล้ว ส่วนเอกสารที่2 อีก 35 ล้านโดส ที่มาเดือน พ.ค. 64 เอกสารเราส่งไปตั้งแต่เดือนมี.ค. เช่นเดียวกัน ใช้เวลาในกระบวนการของเขา 2 เดือน ถึงจะส่งเอกสารกลับมาที่เรา ตรงนี้คือถ้าถามว่าแอสตร้าเซนเนก้า เขาบันทึกแบบนี้ ถ้าผมเป็นคนทำตารางแบบนี้ กระทรวงสาธารณสุขทำตารางแบบนี้ เราก็บอกว่า เราสั่งตั้งแต่พ.ย.63 และเดือนมี.ค. 64”นายอนุทิน กล่าว
ส่วนที่บอกว่าทีมของรัฐมนตรีที่ไปเจรจาบอกว่าเราต้องการแค่ประมาณ 3 ล้านโดสต่อเดือนเท่านั้นในการฉีด นายอนุทิน กล่าวว่า เนื้อหาในจดหมายที่อ้างว่าประเทศไทยฉีดได้เดือนละ 3 ล้านโดสเท่านั้นเอง เขาส่งมาให้ถึง 6 ล้านโดส อันนี้คือในทางการตลาดหรือเป็นการบลัฟกัน เพื่อให้บอกว่าเขาได้ทำมากกว่าที่เราต้องการ แต่ตนโทรไปถามCountry Manager ของเขา ว่าฉันไม่เคยได้ยินเลยนะ ว่าใครพูด 3 ล้านโดส เขาก็บอกว่าเขาโน้ตเอาไว้
“ผมก็เลยบอกว่าโน้ตไว้แบบนี้ไม่ได้ เพราะวันที่ 7 ก.ย.63 ที่พบกัน นั่นคือการพบกันครั้งแรก ระหว่างผมกับผู้บริหารแอสตร้าเซนเนก้า วันที่เจอกันวันที่ 7 ก.ย.63 ไม่ใช่เป็นการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น คือแค่จับมือทำความรู้จักกัน และยังไม่รู้ว่าจะมีการทำสัญญาใดๆหรือเปล่า ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาเขียนมาตรงนี้ เพราะว่าสำหรับผม ถ้าในจดหมายที่ผมตอบไป ตรงนี้ไม่ใช่สาระของผม สาระของผมที่ตอบกลับเขาไป มีประโยคหนึ่งคือ เขาบอกว่า เขาคิดว่าจะจัดส่งให้ประเทศไทย 5-6 ล้านโดสต่อเดือน ผมตอบไปว่าประเทศไทยต้องการ 10 ล้านโดสต่อเดือน นั่นคือสาระที่ผมตอบจดหมายฉบับนี้ไปฉะนั้นตรง 3 ล้านโดส ผมไม่ได้อ่านเลย เพราะว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของสัญญา หรือส่วนหนึ่งของการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีความหมาย เขียนอะไรก็ได้” นายอนุทิน กล่าว
ส่วนฐานคิดการฉีดวัคซีน 10 ล้านโดสมาอย่างไร และในความเป็นจริงทำได้จริงหรือเปล่านั้น นายอนุทิน กล่าวว่า แผนการฉีดมาจากกรมควบคุมโรค ก่อนมีโควิด กรมควบคุมโรคฉีดวัคซีนสูงสุดในแต่ละปี คือประมาณ 8 ล้านโดส 1 ปี ไม่ใช่ 1 เดือน ในโรคทั่วไป จริงๆ เขาบอกประมาณว่าเดือนละ 5-6 ล้านโดส แต่เราก็นับจำนวนประชากรนับความเร่งด่วนของสถานการณ์ ก็ให้ทางท่านอธิบดีกรมควบคุมโรคไประดมทุกอย่างให้มากที่สุด เขาก็บอกมาว่าฉีดได้ประมาณ 8 ล้านโดส เราก็บอกว่าไม่ได้ อย่างไรก็ต้อง10 ล้านโดส ต้องทำแผนให้ได้และก็ต้องทำให้ได้
เมื่อถามว่า เมื่อถึงสิ้นปีนี้ จะฉีดได้ 100 ล้านโดสตามเป้าหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราฉีดได้ประมาณเดือนละ 10 ล้านโดส จากนี้ไปจนถึงสิ้นปีก็อีก 6 เดือน ประมาณ 60 ล้านโดส จำนวนวัคซีนที่เข้ามาในแต่ละเดือนก็ประมาณ 10-12 ล้านโดส เดือนมิ.ย.64 มีวัคซีนเข้ามาใกล้ๆ 10 ล้านโดส เดือนก.ค.64 มีวัคซีนเข้ามาในระบบทั้งหมด ประมาณ10-12 ล้านโดส จากนี้ไปเราได้สั่งไฟเซอร์ไปอีก 20 ล้านโดส ซึ่งจะมาในไตรมาสที่ 4
“ส่วนทางแอสตร้าเซนเนก้า หลังจากที่รับจดหมายจากผมไป อันนี้ก็ต้องเรียนก่อนว่าเขายังไม่ได้ตอบมาเป็นทางการ แต่เขาก็ตอบมาใน ไลน์ ของผม และ ไลน์ ของท่านอธิบดีกรมควบคุมโรค ว่าเขาจะพยายามไปหาฐานการผลิตในประเทศอื่นๆ เมื่อถ้าเขาหาฐานการผลิตในประเทศอื่นๆได้ เขาก็จะสามารถเพิ่มการส่งให้กับประเทศไทยได้” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ส่วนกรณีที่มีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายว่าทำไมไม่ใช้ พ.ร.บ.มั่นคงทางวัคซีนฯ สั่งห้ามส่งออก แต่อาจจะไม่ต้อง 100 เปอร์เซนต์ อย่างน้อยตามเป้าที่เราต้องการ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดว่าเราจะต้องลงไปในรายละเอียดมากพอสมควร แล้วเราต้องดูสถานการณ์ ดูว่าเขามีความบกพร่องหรือตั้งใจที่จะไม่ส่ง เขากลั่นแกล้งอะไรเราหรือไม่ที่ผ่านมา 2 เดือนเขายังทำตามข้อตกลง ภายใต้ขอบเขตของสัญญาจัดซื้อจัดหาทุกประการ มาตรการมันง่ายครับ เป็นหนังสือฉบับเดียวก็มีผล แต่ถามว่าโรงงานที่เขามาผลิตวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า ในประเทศไทย เป็นโรงงานของเราเป็นของคนไทย เป็นโรงงานที่รับจ้างเขาผลิต เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูครับ บริษัทผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ถ้าเราไปทำอะไรเขา เขาอาจจะต้องรักษา integrity ของเขา ไปบีบเขามากไม่ได้ เพราะถ้าไปบีบปุ๊บ เดี๋ยวประเทศอื่นเขาบีบด้วย เขาอาจจะบอกขอยกเลิกสัญญา เราจะทำอย่างไร
“ทุกอย่างมันมีเหตุมีผล และยังไม่นับรวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศในภูมิภาคนี้มีความต้องการวัคซีนโควิด มีการระบาดของเชื้อเป็นอย่างมากเหมือนกัน ถ้าเราไปบล็อกตรงนั้น เขาก็จะมากดดันประเทศไทยทันทีในหลายๆ เรื่องทุกวันนี้กรมควบคุมโรค บอกแล้วว่าฉีดได้เดือนละ 10 ล้านโดส เราก็หาได้ใกล้เคียงทุกครั้ง วัคซีนเข้ามาเดือนละ 10 ล้านโดส มันก็แมทช์กันพอดี เอามามากก็ฉีดไม่ไหว แล้วก็เอามาดองเก็บไว้ก็ไม่ได้” นายอนุทิน กล่าว