นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมเพื่อรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ 3 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายและคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยในส่วนแรก คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากฯ เกินราคา ที่มี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอนุกรรมการฯ

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล เป็น หัวหน้าชุดปฏิบัติการในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานฯ โดยล่าสุด ได้เข้าตรวจค้นที่ บริษัท มังกรฟ้า ล็อตเตอรี่ จำกัด และ บริษัท มังกรฟ้าแม่พลอย ครัวอยู่ศรี จำกัด จ.นนทบุรี และบริษัท มังกรฟ้าฯ สาขาเมืองเลย จ.เลย ซึ่งตรวจพบสลากกินแบ่งรัฐบาลมากกว่า 2 ล้านฉบับ นำมาเสนอขายในเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของมังกรฟ้าในราคาเริ่มต้นฉบับละ 105 บาท ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขณะนี้ อยู่ระหว่างการขยายผล ตรวจสอบสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าเป็นสลากฯ ของตัวแทนจำหน่าย หรือผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ รายใด เพื่อนำไปสู่การยกเลิกสัญญาตัวแทนจำหน่ายและยกเลิกการลงทะเบียน กรณีซื้อจองล่วงหน้าต่อไป 

ส่วนของชุดเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากฯ ที่มี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดนั้น ได้มีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการเบิกจ่ายสลากฯ ของผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ที่ที่ทำการไปรษณีย์ 95 แห่ง ทั่วทุกภูมิภาค รวมถึงตรวจสอบการจำหน่ายสลากฯ ของผู้จำหน่ายตามแผงจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมทั้งดำเนินการสืบสวน ตรวจสอบเป้าหมายผู้ค้าคนกลางที่มีพฤติกรรมในการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด

วันเดียวกันนี้ ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบฯ ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการตรวจค้นตามหมายค้นของศาลอาญา ณ ที่ทำการ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด อาคารเอสเอสพีทาวเวอร์ 1 สุขุมวิท 63 กทม. ผู้ประกอบกิจการแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ของกองสลากพลัส ซึ่งเชื่อว่าดำเนินการนำสลากกินแบ่งรัฐบาล มาสแกนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และมีการเปิดรับตัวแทนผู้ค้ารายย่อย ทั้งผู้ที่มีโควตาสลากฯ อยู่แล้ว นำสลากฯ มาสแกนเข้าระบบ และผู้ที่ไม่มีโควตาสลากฯ มาซื้อสลากฯ เพื่อขายต่อให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าจะต้องลงทะเบียนในระบบด้วยเช่นกัน เมื่อกดซื้อสลากฯ ระบบจะนำไปที่หน้าร้านของตัวแทน ซึ่งจะมีการเสนอขายสลากฯ เกินราคา โดยเริ่มต้นที่ใบละ 95 บาท ซึ่งสลากฯ ที่มีการเสนอขายในระบบนั้น จะมีการปิดบังบาร์โค้ดของสลากฯ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลของจริงหรือไม่ อีกทั้งรูปแบบการเสนอขายสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าว ไม่ใช่การจำหน่ายแบบปลีกโดยตรงให้กับประชาชน จึงไม่ตรงตามเงื่อนไขในการจำหน่ายสลากฯ ทำให้สลากฯ มีราคาสูงกว่าที่กำหนด สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน พบจำนวนสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวนกว่า 4.7 ล้านฉบับ ซึ่งสำนักงานสลากฯ จะต้องนำไปขยายผลในการตรวจสอบผู้เป็นเข้าของโควตาสลากฯ เพื่อทำการยกเลิกสัญญาต่อไป

สำหรับความคืบหน้าการทำงานของคณะอนุกรรมการ ศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งมี นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอนุกรรมการฯ ได้มีการศึกษาข้อมูล โครงสร้างราคาและรูปแบบโดยรวมของธุรกิจสลากฯ เพื่อนำไปสู่การศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่าจะต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างไร มีการกำหนดกรอบในการทำงานโดยเริ่มจากปัญหาและสาเหตุของสลากฯ เกินราคา ตลอดจนแนวทางการบริหารจัดการองค์กร เพื่อให้มีหน่วยงานที่ดูแลลูกค้า หรือ CRM เพื่อทำความรู้จักลูกค้า จะได้สามารถกำกับดูแลการจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ จะนำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาต่อยอดเพิ่ม

ขณะเดียวกันยังพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยมาตรการทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางแพ่ง ทางอาญา และกฎหมายอื่นๆ ได้แก่ มาตรการทางแพ่ง ด้วยการปรับแก้สัญญาเพื่อให้มีสภาพบังคับทางแพ่ง รวมถึงให้สามารถควบคุมไปจนถึงปลายทาง ตลอดจนคนที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับสำนักงานฯ รวมถึงมาตรการทางอาญา ซึ่งในขณะนี้ มีโทษทางอาญาตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แต่ควรมีการพิจารณาทบทวนว่า โทษทางอาญาที่ฐานความผิดที่มีอยู่ เพียงพอที่จะควบคุมได้หรือไม่ รวมถึงการพิจารณาโทษสำหรับผู้ที่กระผิดซ้ำซากด้วย และมาตรการทางกฎหมายอื่นๆ ได้แก่ กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร และกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งจะนำไปสู่ข้อเสนอในการปรับปรุงสัญญา หรือการออกใบอนุญาตตามประเภทผู้จำหน่ายสลากต่อไป

นายเสกสกล กล่าวว่า ในส่วนของของมาตรการต่าง ๆ ทั้ง 3 รูปแบบ ตามโรดแม็พของสำนักงานสลากฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการสลาก 80 โครงการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล และโครงการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มโดยสำนักงานสลากฯ นั้น เป็นโครงการที่ดีและเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการฯ จะติดตามทั้ง 3 แนวทางอย่างใกล้ชิด

รวมทั้งนำปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นมาร่วมกันหารือเพื่อให้เกิดความรอบคอบครบถ้วน เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และจากนี้ไป จะมีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและจัดทำสำมะโนประชากรคนขายสลากฯ เพื่อเป็นการคัดกรองผู้ที่ขายจริง ตัดสิทธิตัวแทนจำหน่ายที่นำสลากฯ ไปขายส่ง และควบคุมตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ในระบบของสำนักงานฯ ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่สำนักงานฯ กำหนด ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 2,480 ราย ตั้งแต่วันที่ 13-27 มีนาคม 2565 พบว่า เป็นตัวแทนจำหน่าย 18% ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ 31% และเป็นผู้ค้านอกระบบ 51%