เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของเกษตรกร ชาว จ.กาฬสินธุ์ ที่ทำการปลูกมันสำปะหลัง และอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ในยุคราคาน้ำมันพุ่ง ค่าแรงงานและค่าขนส่งปรับตัวขึ้นสูงเป็นเงา พบว่ามีกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ใน ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ที่ตั้งทีมรับจ้างเก็บเกี่ยวผลผลิตมันสำปะหลัง ได้ขอปรับลดค่าจ้างรายวันเหลือวันละ 200 บาท จากเดิมปกติทั่วไปยืนราคาวันละ 300 บาท มาเป็นเวลากว่า 10 ปี

นางปริญญา อินทร์ศิริ เกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง กล่าวว่า อาชีพปลูกมันสำปะหลังก็เหมือนกับอาชีพทั่วไป ที่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านปัจจัยการผลิต และทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยมีผลสืบเนื่องจากราคาน้ำมันแพง ร้านขายปุ๋ยเคมีก็อ้างว่าค่าขนส่งแพงขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมี ทำให้มีราคาสูงถุงละ 1,200-1,300 บาท รวมค่ารถไถพรวนดิน ยกร่อง แรงงานปลูก ดายหญ้า เฉลี่ยไร่ละ 7,000 บาท ค่าจ้างตัดลำต้นมันสำปะหลัง รถขุดหัวมัน ค่าแรงคนงานตัดหัวมันอีกต่างหาก ขณะที่เวลาจะเอาไปขายก็ยังมีค่ารถขนส่งเที่ยวละ 2,000 บาท ทั้งนี้ ลานมันรับซื้อให้เพียง กก.ละ 2.50 บาท บวกลบค่าใช้จ่ายแล้วแทบจะไม่เหลือกำไรเลย หากให้ปุ๋ยบำรุงไม่เพียงพอ หรือประสบภัยแล้ง ขาดทุนยับเยิน

ด้านนายทองใบ บุญสมบัติ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 1 บ้านหนองกุง ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนเองก็ปลูกมันสำปะหลัง โดยมีพื้นที่ปลูก 5 ไร่ เห็นว่าต้นทุนการผลิตสูง เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเสี่ยงขาดทุน หรือได้กำไรน้อย ไม่คุ้มทุน เพราะต้องใช้ระยะเวลายาวนาน 7 เดือน กว่าจะได้เก็บเกี่ยว ทั้งนี้หลังเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังของตนเองเสร็จ จึงได้ชักชวนญาติพี่น้องกลุ่มผู้ปลูกมันสำปะหลังในหมู่บ้าน ออกรับจ้างเก็บเกี่ยวหัวมันสำปะหลัง ให้เพื่อนเกษตรกรที่ปลูกพื้นที่หลายไร่ โดยขอค่าจ้างเพียงวันละ 200 บาท แต่ขอให้ทางเจ้าของไร่มันที่ไปรับจ้างเลี้ยงอาหาร 2 มื้อ คือมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงก็พอ ขณะที่ตนและกลุ่มเพื่อนผู้ใช้แรงงานที่ออกรับจ้าง ก็นั่งรถกระบะคันเดียวกัน ไปด้วยกัน เพราะประยัดน้ำมัน การลดค่าแรงลงอีก 100 บาท จึงสวนทางกับราคาน้ำมันแพง เพราะเห็นใจกันและกัน ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนการผลิตที่สูงในปัจจุบัน