นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยประชาชนทุกคน และพร้อมดำเนินการเยียวยาควบคู่ไปกับการดำเนินการป้องกัน และรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเต็มที่ ซึ่งล่าสุดกระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน และเร่งให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามเป้าหมายของโครงการ หลังจากการใช้สิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนหนึ่งอาจมาจากการปิดห้างสรรพสินค้าในช่วงนี้

ทั้งนี้หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจออกไป มีเสียงตอบรับจากประชาชนทั่วประเทศ ใช้จ่ายผ่านโครงการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม รวม 35.8 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 41,847.8 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 22 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 38,569.4 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 19,508.1 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 19,061.4 ล้านบาท

2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 54,007 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 544 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,584.4 ล้านบาท และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 759,155 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 150 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการพัฒนาระบบกลาง เพื่อให้ผู้ให้บริการ Food  Delivery Platform สามารถเชื่อมต่อกับระบบของโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพื่อประชาชนจะสามารถใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ในการสั่งอาหารผ่าน Food Delivery Platform ได้รวดเร็ว สอดคล้องกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ส่วนยอดการลงทะเบียนล่าสุดของวันที่ 23 ก.ค. 2564 โครงการคนละครึ่งมีการลงทะเบียนแล้ว 29.77 ล้านคน เหลืออีก 1.23 ล้านคน จะครบ 31 ล้านคน ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่ปรับลดเหลือ 1.4 ล้านสิทธิ ขณะนี้เหลืออีก 940,668 สิทธิ โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้