สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ว่ากระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลเผยแพร่รายงาน เมื่อวันพฤหัสบดี เป็นผลการศึกษาข้อมูลระหว่างวันที่ 20 มิ.ย.ถึงวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอิสราเอล กำลังทวีความรุนแรงจากเชื้อสายพันธุ์เดลตา
ทั้งนี้ อิสราเอลใช้งานวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค เป็นหลักเพียงตัวเดียว โดยในขณะที่วัคซีนตัวนี้ยังสามารถลดอัตราการป่วยหนักที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 91% ในกรณีที่ฉีดวัคซีนครบสองโด๊สแล้ว แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อเหลือเพียง 39% "ลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญ" เมื่อเทียบกับข้อมูลระหว่างวันที่ 6 มิ.ย.ถึงวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ป้องกันการติดเชื้อได้เดลตาได้ 64% และลดแนวโน้มการต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการป่วยหนัก ได้ประมาณ 94%
ขณะที่นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลมีข้อมูลเบื้องต้น ว่าประชาชนประมาณ 1 ล้านคนในประเทศ ยังคงปฏิเสธเข้ารับวัคซีนเข็มแรก เขาขอให้ชาวอิสราเอลจำนวนนี้เข้ารับการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะการไม่ฉีดวัคซีนไม่เพียงเป็นอันตรายต่อตัวเอง และยังสร้างความเสี่ยงให้กับสังคมรอบข้างด้วย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES