เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ปฏิบัติการฯ โควิด-19 ระยอง โดย นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของจังหวัดระยองว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 305 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.- 21 ก.ค.64 จำนวน 3,767 ราย รักษาหายแล้ว 2,083 ราย กำลังอยู่ระหว่างรักษา 1,6672 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 17 ราย มีการค้นหาเชิงรุก 89,6505 ราย มีกลุ่มที่ได้รับการกักตัวใน LQ และ HQ จำนวน 846 ราย และกักตัวที่บ้าน 1,671 ราย

นอกจากนี้เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ “ศูนย์โควิด19จังหวัดระยอง” ได้โพสต์คำสั่งจังหวัดระยอง ที่ 10300/2564 เรื่อง มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 18) มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.-3 ส.ค.64 โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยอง เห็นชอบให้กำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด19 ในพื้นที่จังหวัดระยอง ดังนี้

1.กำหนดมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านอาหารและเครื่องดื่ม ให้ร้านอาหารในพื้นที่ 8 ตำบลของจังหวัดระยองดังต่อไปนี้ ประกอบด้วย อ.ปลวกแดง 3 ตำบล ได้แก่ ต.ตาสิทธิ์ ต.ปลวกแดง และ ต.มาบยางพร อ.นิคมพัฒนา 2 ตำบล ได้แก่ ต.พนานิคม และ ต.มะขามคู่ อ.บ้านฉาง 3 ตำบล ได้แก่ ต.สำนักท้อน ต.บ้านฉาง และ ต.พลา จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มได้ถึง 23.00 น. (ให้ปิดร้านเวลา 23.00 น.) โดยให้บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. และให้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแบบนำกลับบ้านหรือไปบริโภคที่อื่นได้จนถึงเวลา 23.00 น. และห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน

ส่วนร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่อยู่นอกพื้นที่ที่ประกาศ ให้ปฏิบัติตามคำสั่งเดิม คือ ให้บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. หลัง 23.00 น. ให้จำหน่ายแบบนำกลับบ้านหรือไปบริโภคที่อื่น และห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน

  1. ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในทุกพื้นที่ของจังหวัดระยอง ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มบุคคลจำนวนรวมกันมากกว่า 50 คน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเป็นกิจกรรมที่ดำเนินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรค ทั้งนี้ ให้งดการจัดกิจกรรมในลักษณะที่เป็นงานสังสรรค์ งานเลี้ยง หรืองานรื่นเริง และห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในงาน

3.ลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทางทางเข้าไปในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่จำเป็น

1) ขอให้งด จำกัด หรือเลี่ยง การเดินทางเข้าไปในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่จำเป็น ยกเว้นบางกรณีหากจำเป็น เช่น การเดินทางเพื่อจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อาหาร ยาหรือเวชภัณฑ์ การเดินทางเพื่อพบแพทย์ การรับวัคซีน หรือมีความจำเป็นเพื่อปฏิบัติงานหรือการประกอบอาชีพที่ไม่สามารถปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งได้ สามารถเดินทางได้ แต่ต้องระมัดระวังป้องกันตัวเองตามคำแนะนำของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด

2) ในกรณีมีความจำเป็นต้องเดินทางผ่านหรือเข้าไปในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามกรณียกเว้นการเดินทางในบางกรณีที่จำเป็น ข้อ 1) ในคำสั่ง ขอให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ “หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” http://covid-19.in.th และแสดง QR Code ต่อพนักงานเจ้าที่ประจำจุดตรวจ ด่านตรวจ และจุดสกัด

ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเดินทางผ่านหรือเข้าไปในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในระหว่างเวลา 21.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้นในวันถัดไป ให้ดำเนินการขอเอกสารรับรองความจำเป็นเพิ่มเติม เพื่อแสดงตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ รายละเอียดสามารถติดตามในเอกสารแนบท้ายคำสั่งดังกล่าวนี้

มาตรการสำหรับสถานประกอบกิจการ ขอความร่วมมือเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการภาคเอกชน ร่วมปฏิบัติและดำเนินการสุ่มตรวจพนักงานด้วยชุดตรวจหา covid-19 แบบเร่งด่วน (Antigen Test Kit : ATK) ภายใต้การกำกับดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนพนักงาน กรณีตรวจพบผลบวกให้ตรวจซ้ำด้วยการหาเชื้อแบบ RT-PCR หากผลยืนยันเป็นบวกให้รายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทราบภายใน 3 ชั่วโมง ทั้งนี้ หากตรวจพบผลบวกและไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย ให้เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการภาคเอกชน พิจารณาดำเนินมาตรการ Bubble and Seal ในสถานประกอบกิจการ หรือจัดหาสถานที่กักกัน (Quarantine) สำหรับพนักงานในบริเวณที่ตั้งของกิจการ หรือที่เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการภาคเอกชนกำหนด