เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ร.ต.อ.ไพบูลย์ ไชยสิทธิ์กุล รอง สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุสามีใช้ปืนพกสั้นยิงภรรยาก่อนยิงตัวเองตายตาม ที่บริเวณโรงจอดรถใต้ถุนบ้าน เลขที่ 30 หมู่ 13 บ้านดงน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี  จึงได้รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านยืนมุงดูกันจำนวนมาก ทราบชื่อผู้ตายคือ นายพานทอง แสนลำ อายุ 34 ปี ผู้เป็นสามี ลูกชายเจ้าของบ้าน สภาพศพนอนตะแคงหันหลังชนกันกับน.ส.อารยา ผิวแดง อายุ 26 ปี ภรรยา ตรวจสอบสภาพศพ พบว่า น.ส.อารยา ถูกยิงเข้าบริเวณท้ายทอย 2 นัด หัวไหล่ด้านซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน เลือดไหลนองพื้น ส่วนนายพานทอง ถูกปืนยิงเข้าบริเวณขมับด้านขวา 1 นัด กระสุนทะลุออกขมับด้านซ้ายมันสมองกระจาย

โดยศพนายพานทองนอนทับปืนพกสั้นแบบออโตเมติกไทยประดิษฐ์ ลำกล้องขนาด 9 มม. สีเงิน ที่ใช้ยิงภรรยาและตัวเองเสียชีวิตอยู่ข้างรถกระบะโตโยต้า สีเงิน ทะเบียน บห-8294 อุดรธานี ใกล้กับศพพบปลอกกระสุนปืนขนาด .380 มม. ตกอยู่บนพื้น 4 ปลอก ลูกกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ยิง 4 นัด และในรังเพลิงอีก 1 นัด รวม 9 นัด

นอกจากนี้ยังพบยาบ้าตกกระจายอยู่บนพื้น 18 เม็ด ตรวจสอบในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของ นายพานทอง พบถุงพลาสติกบรรจุยาบ้าอีก 58 เม็ด ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบสวนนางดารา หลักกอ แม่นายพานทอง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสะใภ้และลูกชายไปกินข้าวเย็นอยู่ที่บ้านพ่อตาแม่ยาย ที่อยู่ห่างกันราว 500 เมตร และลูกชายขี่จยย.กลับมาบ้าน ส่วนลูกสะใภ้ยังอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของเขา ลูกชายได้โทรศัพท์หาภรรยาให้กลับมานอนที่บ้าน และมีน้ำเสียงเหมือนจะทะเลาะกัน จากนั้นลูกสะใภ้ให้ญาติขี่จยย.มาส่ง แล้วจะพากันขับรถกระบะไปส่งญาติภรรยาที่บ้าน แต่ยังไม่ได้ไปก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง ตนจึงออกไปดู และบอกลูกชายและลูกสะใภ้ว่า เมื่อมาหากันแล้วทะเลาะกันก็ไม่ต้องมา จากนั้นตนก็เดินกลับเข้าบ้าน แล้วได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด จึงวิ่งออกมา พบว่าลูกชายกำลังใช้ปืนจ่อยิงหัวตนเอง ตนตกใจมากร้องบอกลูกชายว่าอย่าทำ แต่ลูกชายก็พยายามลั่นไกปืนอยู่หลายครั้ง คาดว่ากระสุนปืนขัดลำกล้อง ก่อนจะได้ยินเสียงปืนอีก 1 นัด และร่างลุกชายก็ล้มลงกับพื้นข้างศพลูกสะใภ้ สาเหตุหลักมาจากเรื่องลูกชายหึงหวงเมีย กลัวเมียปันใจให้ชายอื่น

ด้านนายสว่าง  ผิวแดง  อายุ 69 ปี พ่อฝ่ายหญิง ให้การว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตนก็เสียใจมาก เคยบอกลูกสาวแล้วว่าถ้าจะคบกับใครให้เลือกดูเอง เพราะโตแล้ว แต่ลูกเขยเป็นคนขี้หึง และทะเลาะกันบ่อยมาก แม้กระทั่งญาติพี่น้องที่เป็นผู้ชายมาพูดคุยกับภรรยา และเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กลูกเขยก็ยังหึง

นางหนูไกร ผิวแดง แม่ของน.ส.อารยา กล่าวว่า ลูกเขยเป็นคนไม่ค่อยพูด ใช้งานอะไรก็รับปากตลอดมีแต่ยิ้มรับอย่างเดียว ทำให้ไม่เคยคิดว่าจะมาทำอย่างนี้กับลูกสาวของตัวเอง ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่าลูกเขยมีปืน ถ้ารู้จะได้บอกลูกสาวให้ระวังตัว 2-3 วันที่ผ่านมา ลูกสาวได้มาบอกว่าจะไปทำงานกับพี่ชายที่พัทยา ให้ช่วยหาเงินให้หน่อย อยากไปทำงานต่างพื้นที่ คิดว่าลูกสาวก็รู้ว่าลูกเขยมีปืนจึงขอไปทำงานที่อื่น แต่ไม่กล้าบอกแม่ ก่อนหน้านี้ไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลย แต่อีกาบินวนร้องเสียงดังอยู่ในหมู่บ้านติดต่อกัน 3-4 วัน เป็นเรื่องที่ชาวบ้านและพระในวัดป่าประจำหมู่บ้านรู้กันอยู่แล้ว เนื่องจากหากมีอีการ้องแถวบ้านจะมีคนเสียชีวิตเป็นประจำ ซึ่งเมื่อวันก่อน ก็เพิ่งเผาไป 1 ศพ และพระหลวงพ่อท่านยังบอกอีกว่ายังเหลืออยู่อีก 2 ศพนะโยม ไม่คิดว่าจะมาเป็นลูกสาวและลูกเขยของตนเอง

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุเคยต้องโทษในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น ในปี พ.ศ.2552 ติดคุก 6 ปี ออกมาได้เพียง 4-5 เดือน ก็มาถูกจับดำเนินคดีในข้อหา ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย หลังพ้นโทษออกมาได้เพียง 4 เดือน ก็มาคบหาและแต่งงานกับน.ส.อารยา แต่ฝ่ายชายเป็นคนขี้หึง และให้ภรรยาลาออกจากงานที่โรงงานน้ำตาล มาทำไร่ทำสวนทำนาอยู่ที่บ้าน และอยู่กินด้วยกันได้ไม่นานก็มาเกิดเหตุสลดขึ้น