นายศิรศร เบญจาธิกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ เรียลมี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 64 เรียลมี ประสบความสำเร็จในตลาดสมาร์ทโฟนโลก และในประเทศไทย โดยสามารถก้าวขึ้นสู่แบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 6 ของโลกได้สำเร็จ ส่วนในตลาดไทย เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 5 ซึ่งสามารถเดินตามแผนส่งมอบสมาร์ทโฟนครบ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกตามไทม์ไลน์ หลังจากก่อตั้งบริษัทฯ ได้เพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น

“ปี 2564 ที่ผ่านมา เรียลมีมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการทำตลาดสมาร์ทโฟนในระดับพรีเมียมได้ดีมาก และยังเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเปิดตัวสมาร์ตโฟนตระกูล GT series ครบทุกรุ่น นอกจากนี้ปัจจัยที่ให้ประสบความสำเร็จ คือกลยุทธ์ 4 ด้าน คือ 1.แนวคิดพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยมุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และนำเสนอสินค้าที่สอดคล้องกับค่านิยมของหนุ่มสาวที่ต้องการสมาร์ทโฟนล้ำสมัยและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ 2. ตัวผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเและคุณภาพที่เหมาะสม มีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบชาร์จเร็ว ฯลฯ 3. การเพิ่มช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ และ 4. องค์กรที่มีพนักงานเป็นคนรุ่นใหม่ทำให้บริษัทมีไอเดียการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่อยู่เสมอ”

สำหรับแผนงานในปี 65 วางแผนจะเปิดตัวสมาร์ตโฟนระบบ 5จี ให้ได้มากกว่า 30 รุ่น คิดเป็น 70% ของสัดส่วนสมาร์ทโฟนทั้งหมด และในอีก 2 ปีข้างหน้าทางบริษัทแม่ จะลงทุน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก สำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5จี และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 5จี เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 5จี อย่างเต็มตัว

นอกจากนี้สำหรับในไทย ก็เตรียมเจาะตลาดในกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น ด้วยสมาร์ทโฟนในรุ่นท็อป คือ ซีรีย์ GT ชูไฮไลต์ 3 เทคโนโลยีสุดล้ำเป็นครั้งแรกของโลก ทั้งการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมการถ่ายภาพ และเทคโนโลยีการสื่อสาร นอกจากนี้ยังเตรียมสินค้าในในกลุ่ม AIoT เพื่อชีวิตยุคดิจิทัล เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของหูฟัง สมาร์ทวอชท์ แท็บเล็ต เครื่องฟอกอากาศ สมาร์ททีวี และสมาร์ทโฮม ฯลฯ เพื่อตอบโจทย์ สมาร์ทไลฟ์ ของคนในยุคปัจจจบันมากขึ้น

นอกจากนี้เตรียมจะเพิ่มช้อป มีการทำช้อปที่มีอยู่ 75 สาขา เพิ่มเป็น 120 แห่งทั่วประเทศในปีหน้า นอกจากนี้จะขยายช่องทางการจำหน่าย ด้วยการตับมือกับ 3 ค่ายมือถือ พร้อมรุกช่องทางออนไลน์ด้วยการจับมือกับแพลตฟอร์มต่างๆ ด้วย

“ตลาดมือถือของไทยในปีหน้า เชื่อว่าจะยังมีการแข่งขันสูง จากที่แบรนด์ต่างๆ โหมทำตลาด ในส่วนของเรียลมีจะพยายามทำให้ตัวเองแตกต่างจากแบรนด์ต่างๆ เช่น นวัตกรรม การออกแบบดีไซน์ และเทคโนโลยี ฯลฯ และด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เตรียมเปิดตัวในปีหน้านี้ เราตั้งเป้าที่จะขึ้นไปอยู่ในอันดับ 3 ของตลาดสมาร์ทโฟนไทยให้ได้ในปีหน้า โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาด 9-10% ซึ่งการขึ้นที่ 3 ต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น 14%” นายศิรศร กล่าว