เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ในการรับมือโควิด-19 จะทำ 10 อย่าง ดังนี้ 1.ประเทศไทยจะมีวัคซีนทุกประเภท เราจะไม่แทงม้าตัวเดียว และเมื่อเราเลือกผิด จะกล้ายอมรับผิดแล้วปรับแผนวัคซีนทันที โดยเข็มแรกของไทยจะเริ่มฉีดตั้งแต่ปลายปีที่ 63 ถึงวันนี้จะฉีดได้ 70% และทำลายข้อจำกัดการนำเข้าวัคซีนทางเลือกของภาคเอกชนทันที เราต้องไม่แพ้เพราะข้อจำกัดที่เราสร้างขึ้นเอง
2.ในช่วงที่ไม่มีการระบาด (ตั้งแต่ปลายปี 63) จะเตรียมความพร้อมเพิ่มศักยภาพระบบสาธารณสุขทันที ในเงินกู้ 1 ล้านล้านก้อนแรก จะแบ่งให้ด้านสาธารณสุข จำนวน 1-2 แสนล้าน เบิกจ่ายทันที โดยระดมลงทุน โรงพยาบาลสนาม สถานพักพิงผู้ติดเชื้อ ICU สนาม เครื่องช่วยหายใจ ยา Favipiravir ทำฐานข้อมูลศักยภาพโรงพยาบาลทั้งประเทศ และระบบ Logistics เตรียมขนย้ายผู้ป่วย ทันที ให้พร้อมตั้งแต่ต้นปี 64
-3.เราจะไม่มีข้อจำกัดแปลกๆ ที่ว่าตรวจผลเป็นบวก ต้องแอทมิททันที ตรวจที่ไหนแอทมิทที่นั่น เพราะใน รพ. ศักยภาพการให้บริการ (เตียง) น้อยกว่า ศักยภาพการตรวจเสมอ ข้อจำกัดนี้ทำให้ รพ. ตรวจไม่ได้ เพราะเตียงเต็ม ทั้งๆที่ศักยภาพการตรวจเหลือเฟือ 4.เราจะใช้ Rapid Antigen Test , DnaNudge ควบคู่กับ RT-PCR ตั้งแต่เริ่มแรก รวดเร็วและเข้าถึงง่าย แยกผู้ป่วยออกจากสังคมได้เร็วกว่า ซึ่งคือกุญแจสำคัญ 5.ระดมตรวจโรคจำนวนมหาศาล เมื่อตรวจเสร็จ เราจะมีระบบ Logistics ระดับประเทศมารองรับ โดยใช้ฐานข้อมูล ที่เตรียมไว้ตามข้อ 2 โดยนำพาคนป่วยปานกลาง-หนัก กระจายสู่สถานพักพิง , ICU และ รพ. ที่หนาแน่นน้อยในจังหวัดที่ศักยภาพเหลือทันที ไม่มีการนอนรอเตียง ไม่มีการตายคาเตียง
6.การสื่อสารในภาวะวิกฤตกับประชาชนของเราจะตรงไปตรงมา ให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ข้อเท็จจริงเดียวกัน ไม่บิดเบี้ยว และให้ประชาชนรับรู้ถึงแผนงานที่ชัดเจนของเราทุกขั้นตอน 7.เราจะใช้มาตรการคงการจ้างงานขนาดใหญ่ตั้งแต่เริ่มแรก สนับสนุนค่าจ้าง 50% จ่ายตรงไปที่นายจ้างงานเอาไปจ่ายค่าจ้างลูกจ้าง โดยต้องจ้างงานอยู่ที่ 90% ตรงนี้คนจะไม่ตกงาน บริษัทจะไม่ล้ม คนว่างงานจะไม่กระฉูด ระดับหนี้ครัวเรือนจะอยู่ที่ 80% ไม่เฉียด 100% เหมือนในปัจจุบัน
8.Soft Loan จะมีขนาดใหญ่ และใช้ได้จริง มีเงื่อนไขผ่อนปรนและเข้าถึงง่ายมาก เพราะเราทราบดีว่าภาคธนาคารยังแข็งแกร่งกว่าภาคธุรกิจและภาคประชาชนอยู่มาก คนล้มก่อนคือประชาชน ไม่ใช่ธนาคาร เราจะใช้กลไกธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเป็นแกนกลางในการปล่อยสินเชื่อ และใช้ระบบกองทุนให้สินเชื่อ SMEs ที่เข้าไม่ถึง 9.การเยียวยาจะเป็นแบบตรงจุด ตรงเป้า โดยใช้ระบบฐานข้อมูลที่ระบุความเดือดร้อนได้ตรงเป้า และการเยียวยาจะต้องมุ่งสู่การลงทุนภาคเอกชน และการสร้างงานใหม่ ไม่ใช่แค่การกระตุ้นการบริโภคที่หมดไปวันๆแบบที่เป็นอยู่ และ10.ทำตามข้อ 7,8, และ 9 เงินกู้ตาม พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านก้อนแรกนั้นเหลือเฟือ ไม่ต้องกู้เพิ่มอีก 5 แสนล้าน ไม่ต้องกู้เพื่อชดเชยขาดดุลอีก 7 แสนล้านบาท หนี้สาธารณะต่อ GDP จะอยู่ที่ราว 50% เท่านั้น ไม่ทะลุเพดานเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน