จบแล้วกับคดีร้อนจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2547 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต รวม 85 ราย พร้อมผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
หลังจากศาลจังหวัดนราธิวาสมีคำสั่งจำหน่ายคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2567 เนื่องจาก อายุความ 20 ปีของคดีดังกล่าวสิ้นสุดลงในวันที่ 25 ต.ค.2567 โดยยังไม่สามารถจับกุมจำเลย 14 คนได้ เป็นเหตุให้สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทย์ทั้ง 48 คน ระงับ ไม่สามารถดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป จึงลงเอยให้เจ้าหน้าที่รัฐที่มีชื่อในหมายจับของคดีนี้ กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ พ้นผิดไปโดยปริยาย
แม้ทั้ง 14 คนโล่งใจ เพราะคดีหมดอายุความแล้ว แต่ก็ไม่แคล้ว ยังถูกกระแสสังคมไล่ล่าในฐานะคนหนีคดี เพราะต้องยอมรับว่าครอบครัวของผู้เสียหาย และประชาชนในพื้นที่อ.ตากใบ ยังค้างคาใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยกลุ่มญาติประกาศว่าเตรียมหาช่องทางยื่นร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป
นอกจากนี้ ทนายความฝ่ายผู้เสียหายเสนอภาครัฐให้ตัดบำนาญของอดีตข้าราชการระดับสูงที่หนีคดีนี้ อีกทั้งเสนอให้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ที่ยุติการส่งสำนวนคดีอาญาต่ออัยการ ปล่อยหายไปเกือบ 19 ปี แล้วมาส่งสำนวนในปี 2567 และจะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ตั้งอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาประเด็นนี้ด้วย
และยิ่งตอกย้ำบาดแผลทางใจมากขึ้น จากภาพของหนึ่งในผู้ต้องหา อย่างอดีตพลขับ ซึ่งปัจจุบันเป็นปลัดอำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม ที่ยื่นใบลาราชการตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา และหายตัวหลังถูกออกหมายจับ แต่ได้กลับมาทำงานที่อ.ท่าอุเทน เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวหลังคดีนี้หมดอายุความ
ร้อนไปถึงเจ้ากระทรวงต้นสังกัด อย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่เด้งรับกระแสสังคมด้วยการสั่งการปลัดกระทรวงมหาดไทยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว พร้อมระบุว่า คนพวกนี้คงไม่ได้อยู่อย่างสุขสบาย เพราะมีแรงกดดันมหาศาลจากสังคม และจะมีผลกระทบต่อการเติบโตทางราชการอย่างแน่นอน
ด้าน “นายกฯแพทองธาร” ได้รับทราบกรณีนี้เช่นกัน และรับรู้ความรู้สึกของผู้ที่รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรม โดยกล่าวยืนยันว่ามีแผนจะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปพบพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ส่วนการจัดการเรื่องนี้ ต้องยึดหลักกระบวนการตามกฎหมายเป็นหลัก เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศไทย
ฟากฝั่งฝ่ายค้าน อย่าง “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาฟาดแรงว่า รัฐบาลไม่ได้พยายามตามหาตัวจำเลย และเรื่องนี้อาจซ้ำเติมวิกฤติในจังหวัดชายแดนภาคใต้ น่าเสียดาย และรัฐบาลผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยที่คดีตากใบจบลงโดยไม่สามารถนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียชีวิตจำนวนมากมาดำเนินการได้
“คำขอโทษ ถ้าขอโทษอย่างทันท่วงที น้ำหนักมันจะเยอะ แต่พอมันช้าไป น้ำหนักของคำขอโทษก็หายไปเยอะ และนี่เป็นผลลัพธ์จากอดีตนายกฯ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ได้ทำ จนมาถึงรัฐบาลนี้ ส่วนสิ่งที่คนอยากเห็น ไม่ใช่แค่คำขอโทษ แต่คือการกระทำที่แสดงถึงความจริงใจ ซึ่งแทบไม่มี”
แม้เงื่อนไขข้อกฎหมายเอื้ออำนวยช่วยให้หนีรอดได้ แต่อย่าลืมว่ายุคนี้กรรมติดจรวด ถึงคดีความหมดอายุไป แต่ความทรงจำยังติดอยู่ในใจไม่มีวันหมดอายุ.