จากกรณีวันที่ 25 ต.ค. เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับกองกำกับการตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานดอนเมือง ปฏิบัติการจับกุมตัว น.ส.สุชาตา หรือ นัตตี้ ลีอาห์ อดีตยูทูบเบอร์ เจ้าของช่อง Nutty’s Diary และนางธานิยา (มารดา) ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 294/2565 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร หลังจากหลบหนีการจับกุมในคดีหลอกลวงให้เทรด Forex อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และข้อหาโดยทุจริต ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

​ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 294/2565 ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย คือ น.ส.สุชาตา หรือ นัตตี้ ลีอาห์ อดีตยูทูบเบอร์ เจ้าของช่อง Nutty’s Diary และนางธานิยา (มารดา) ไปยังศาลอาญาเพื่อยื่นคำร้องขอฝากขังและคัดค้านการประกันตัว โดยศาลได้พิจารณาอนุญาตฝากขังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า ภายหลังการฝากขัง 2 ผู้ต้องหาต่อศาลอาญา หากไม่มีญาติผู้ต้องหาเข้ายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาล ก็จะเป็นเหตุให้ทั้งคู่ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง

ส่วนการขยายผลหลังจากนี้นั้น เบื้องต้นสองผู้ต้องหาค่อนข้างให้การที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะพฤติการณ์ความผิดในคดี และให้ข้อเท็จจริงที่สามารถใช้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ซึ่งคณะพนักงานสอบสวน ก็จะพิจารณาต่อว่ามีประเด็นใดที่ต้องรวบรวมเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากสำนวนบางส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการส่งมอบให้กับดีเอสไอแล้ว ทำให้ดีเอสไอจะต้องนำรายละเอียดมาพิจารณาดูเพื่อไปสอบสวนในภาพรวม

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า อีกทั้งในส่วนของตำรวจ ก็มีการบันทึกถ้อยคำให้การของพยานไปบ้างแล้ว ขณะที่ดีเอสไอก็มีคำให้การของพยานอีกกลุ่มหนึ่ง นอกจากนี้ ในจำนวนหมายจับ 13 ผู้ต้องหานั้น ก่อนหน้านี้มี 9 ราย เข้ามาพบพนักงานสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหา และได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนไปแล้ว

ส่วนอีก 1 ราย ที่เจ้าหน้าที่ต้องเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี คือ น.ส.ณิชาภัทร (สงวนนามสกุล) เลขาฯ ส่วนตัวของนัตตี้ เพราะยังอยู่ระหว่างการหลบหนี รวมถึงดีเอสไอจะต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่า ยังได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหารายใดเพิ่มเติมไว้อีกหรือไม่ และท้ายสุดจึงจะได้สรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ ตามขั้นตอน ทั้งนี้ ในกรณีของการแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินต่อสองแม่ลูกนั้น ทั้งตำรวจและดีเอสไอ ได้มีการส่งรายการทรัพย์สินของผู้ต้องหาไปยังสำนักงาน ปปง. เพื่อให้ดำเนินการกับทรัพย์สิน ดังนั้น หาก ปปง. พบว่ามีความผิดฐานฟอกเงิน ทาง ปปง. ก็จะกล่าวโทษกลับมา เพื่อให้ดีเอสไอขยายเปิดเป็นอีก 1 คดีพิเศษ.