เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พระครูโกศลปริยัติวงศ์ เจ้าคณะตำบลบางเขน เจ้าอาวาสวัดกำแพง ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ว่า นายศักดิ์ดา ภู่กนก อดีตทายาทช่างภาพหลวง ซึ่งเป็นเจ้าของภาพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 5 ที่ล้างมาจากฟิล์มกระจกต้นฉบับ จะเดินทางมาสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ที่ห้องจัดแสดงภาพภายในวัดกำแพง จ.นนทบุรี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของรัชกาลที่ 5 ของทุก ๆ ปี ในวันนี้ เนื่องจากภาพดังกล่าวมีความพิเศษคือ ภาพดังกล่าวจะมีลักษณะที่หันไปตามบุคคลที่ยืนโดยสังเกตได้จากพระบาทของรัชกาลที่ 5

ภายหลังผู้สื่อข่าวทดลองยืนด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พบว่าปลายพระบาทหันมาทางผู้สื่อข่าว เมื่อขยับตัวไปทางซ้ายก็พบว่าปลายพระบาทหันไปทางซ้าย และเมื่อเดินไปยืนทางด้านขวา ก็ยังพบว่าปลายพระบาทหันตามไปทางด้านขวาเช่นกัน เป็นที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมาก คาดว่าน่าจะเป็นเทคนิกการถ่ายภาพในสมัยโบราณ ซึ่งยังหาคำตอบไม่ได้

ขณะที่ นายศักดิ์ดา เปิดเผยว่า ความมหัศจรรย์ของพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 5 ขนาดเท่าองค์จริงภาพนี้ ตนเองเป็นคนล้างภาพออกมาจากฟิล์มต้นฉบับ ซึ่งเป็นฟิล์มกระจกตามเทคนิคของคนสมัยก่อน ซึ่งทั้งชีวิตตนได้ทำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดเท่าองค์จริงออกมาได้เพียง 2 รูปเท่านั้น รูปแรกอยู่ที่วัดกำแพง จ.นนทบุรี ซึ่งตนเป็นลูกศิษย์วัดแห่งนี้ ส่วนอีกรูปหนึ่งอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอคลองขลุง จ.กำแพงเพชร ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับพระบรมฉายาลักษณ์ทั้ง 2 รูปคือ ปลายพระบาทของรัชกาลที่ 5 จะเคลื่อนปลายเท้าหันไปตามทิศทางของคนที่ยืนมอง ไม่วาจะยืนด้านซ้าย ด้านหน้า หรือด้านขวา ซึ่งความอัศจรรย์ดังกล่าว ตนก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดมาจากอะไรแน่ และก็ไม่แน่ใจว่าเกิดมาจากฟิลม์กระจกต้นฉบับโบราณหรือไม่ แต่ภาพอื่น ๆ ที่ตนล้างออกมาก็ไม่มีความอัศจรรย์เหมือนภาพนี้ เป็นเรื่องที่แม้แต่ตนเองซึ่งเป็นช่างภาพเทคนิคโบราณยังหาคำตอบของความอัศจรรย์ไม่ได้เช่นกัน

ด้าน พระครูโกศลปริยัติวงศ์ เจ้าคณะตำบลบางเขน เจ้าอาวาสวัดกำแพง เปิดเผยว่า อาตมาได้ซื้อภาพพระบรมฉายาลักษณ์มาจากลูกศิษย์วัดคนนี้ไว้ ในราคาต้นทุนเกือบ 20 ปีมาแล้ว จากนั้นเมื่อได้รับภาพพระบรมฉายาลักษณ์มา อาตมาก็นำไปตั้งไว้ที่กุฎิ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครเห็นถึงความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพ จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทางวัดได้สร้างห้องรับแขกหลังใหม่ขึ้นมา อาตมาจึงตั้งใจนำพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 5 ออกมาติดตั้งไว้ที่ห้องดังกล่าวเพื่อให้ชาวบ้าน และประชาชนทั่วไปที่มีความเลื่อมใสศรัทธาได้เข้ามากราบไหว้สักการะบูชาได้สะดวก จนกระทั่งมีญาติโยมคนหนึ่งไปสังเกตเห็นว่าทั้งพระภักตร์และปลายพระบาทของรัชกาลที่ 5 ในรูป จะเคลื่อนไหวหันไปตามทิศทางที่มีคนยืนมองอยู่อย่างเห็นได้ชัดเจน จนกลายเป็นที่กล่าวขาน ผู้คนต่างพูดถึงความอัศจรรย์ที่ปรากฎในภาพ ทำให้มีชาวบ้านประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางมาดูความอัศจรรย์เกี่ยวกับพระบรมฉายาลักษณ์เรื่อยมา

พระครูโกศลปริยัติวงศ์ กล่าวอีกว่า โดยปกติแล้วเท่าที่อาตมาทราบมา คนที่มีภาพเก่าโบราณแบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะหวงแหนไม่ค่อยเปิดเผยหรือแสดงให้ใครชมง่าย ๆ แต่อาตมากลับมองว่า ภาพดังกล่าวก็เหมือนเป็นสมบัติของทางวัด และหากทางวัดเปิดโอกาสให้ผู้คนที่มีความเคารพศรัทธาในรัชกาลที่ 5 ได้เดินทางมาเยี่ยมชมถวายสักการะได้จะเป็นเรื่องที่ดีกว่า แม้ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดเท่าองค์จริงแบบนี้จะมีเพียง 2 รูปในประเทศไทยหรือในโลกก็ว่าได้ แต่ทางวัดก็ไม่ได้หวงแหนที่จะเก็บไว้ส่วนตัว เปิดโอกาสให้ผู้คนที่สนใจเดินทางมาชมความอัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในภาพได้ทุกวัน โดยทางวัดจะมีเจ้าหน้าที่วัดและพระในวัดคอยดูแลและบรรยายข้อมูลให้รับฟัง ซึ่งในยุคปัจจุบันการจะหาชมภาพโบราณแบบนี้จะหาที่ชมได้ยากโดยเฉพาะกับภาพที่มีความอัศจรรย์ซ่อนอยู่.