เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระลานพระราชวังดุสิต พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อแก้ไขให้คดีตากใบไม่มีอายุความ ว่า ยังไม่มีข้อสรุป ขอให้ไปถามรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านความมั่นคง (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ทั้งนี้ โดยปกติ การจะออกพระราชกำหนดจะมีกระบวนการการออกกฎหมาย เรื่องใดเรื่องหนึ่งที่มีความจำเป็น และจะต้องมีการศึกษาว่าการจะออกพ.ร.ก.เป็นการเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น ทำได้หรือไม่

เมื่อถามว่าคดีตากใบจะหมดอายุความอีก 2 วันข้างหน้า การจะออกเป็น พ.ร.ก. จะดำเนินการทันหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อายุความเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่พ.ร.ก.จะมาใหญ่กว่ากฎหมายได้อย่างไร ทั้งนี้ตนไม่ทราบจริงๆ ขอไปถามรองนายกรัฐมนตรี​ด้านความมั่นคง เพราะกระทรวงยุติธรรมไม่มีประเด็นนี้

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่ารอหวังพึ่งปาฏิหาริย์ แต่ตอนนี้เหลือเวลา 2 วันก่อนคดีจะหมดอายุความ ยังจะหวังพึ่งปาฏิหาริย์ได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ทุกหน่วยงานก็ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งความพยายามบางครั้งก็ประสบความสำเร็จ 

ต่อข้อถามว่าหมายความว่าได้รับสัญญาณที่ดี ได้รับการติดต่อกลับมาจากผู้ต้องหาใช่หรือไม่ และจะได้พบตัว พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดต่อ แต่ตนรับทราบข้อมูลจากผู้ดำเนินการสืบสวน และยังไม่มีความชัดเจนว่า พล.อ.พิศาล อยู่ที่ไหน แต่การทำงานยังมีเวลาอีก 2 วัน จะทำงานกันอย่างเต็มที่ 

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะกระทบกับฐานเสียงของพรรคประชาชาติใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า วันนี้อย่าไปกังวลเรื่องฐานเสียง แต่ต้องกังวลเรื่องความยุติธรรมก่อน โดยกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรม แต่หัวอกของผู้เสียหายและญาติ เรื่องการเยียวยาก็เป็นส่วนหนึ่ง ก็ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ ถ้าเขาได้ลูกหรือพ่อแม่เขากลับมาได้ 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า เมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว กระบวนการยุติธรรมก็ดำเนินการไปตามกฎหมายขณะนั้น ซึ่งการตรวจสอบเมื่อใกล้ขาดอายุความทุกคนก็กังวล ก็จะหาทางออกว่าทำอย่างไรให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าก่อนขาดอายุความ จนมาเริ่มในเดือนม.ค.2567 ในปีสุดท้าย ความพยายามในการเร่งรัดกระบวนการยุติธรรม ทำให้สามารถออกหมายจับได้ และศาลก็ได้สั่งให้ตำรวจเข้าไปจับกุม ในส่วนของผู้ปฏิบัติงาน เขาก็มีความกังวลเพราะอายุความเหลือน้อย 

“ส่วนผู้กระทำความผิด เป็นธรรมดาถ้าเขาต่อสู้คดีก็จะใช้เวลา 10-20 ปี​ ถ้าเขาเห็นว่ามีช่องทางเรื่องอายุความ​ เขาก็ต้องหลบไป อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา​ ไม่ใช่แค่ข้าราชการ วันนี้เรามีหมายจับ 7,000 กว่าหมาย จับได้แค่ 4,000 หมาย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความมั่นคงเขาก็หลบไป​ จนหมายจับขาด​ นี่เราก็ไม่ว่ากัน แต่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ต้องช่วยกันจับกุมให้ได้” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

เมื่อถามว่าถ้าจับผู้ต้องหาไม่ได้ จะกระทบอย่างไรกับรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หากจับไม่ได้ ก็แค่คดีขาดอายุความ รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องให้ประชาชนรับรู้ เรื่องที่มันเกิดขึ้น ตนเชื่อว่าผู้เสียหายก็ไม่ได้หวังไปทำร้ายผู้ที่ถูกออกหมายจับ แต่ในฐานะที่ครอบครัวมีผู้เสียชีวิต เขาอยากได้ความยุติธรรมตามกระบวนการ

เมื่อถามอีกว่าหากไม่สามารถจับกุมได้ ความรับผิดชอบของรัฐบาลจะอยู่ในระดับใด พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว​ ส่วนที่มันสิ้นสุดในรัฐบาลนี้ เพราะรัฐบาลมีความรับผิดชอบที่ไม่ต้องการทำให้เรื่องขาดอายุความ แต่พอมาถึงกระบวนการยุติธรรม เรามีศาลและอัยการ ซึ่งเราไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่หน้าที่ของรัฐบาลคือทำเรื่องให้สามารถออกหมายจับได้ ซึ่งในสายตาของประชาชนหรือญาติ ๆ ก็ภูมิใจที่ประชาชนสามารถออกหมายจับแม่ทัพภาคได้ ตรงกันข้ามประชาชนมองว่าญาติพี่น้องของเขาที่ถูกออกหมายจับจำนวนมาก ซึ่งมีความเป็นธรรมที่กระบวนการยุติธรรมสามารถออกหมายจับข้าราชการได้

เมื่อถามอีกว่าการออกหมายจับถือเป็นผลงานของรัฐบาลหรือไม่​ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่ถือเป็นผลงานรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่ทำให้เห็นว่าเป็นพลวัตของเรื่องนี้​ ถ้ามีกฎหมายให้ทำได้เราจะทำอยู่แล้ว แม้แต่การให้ออก พ.ร.ก. ต้องไปศึกษาว่าถ้าออก จะยืดอายุความเฉพาะ 8 คนหรือ 14 คน หรือจะยืดอายุความอีกกว่า 4,000 คน ที่ถูกออกหมายจับเป็นแสนคน​ เพราะอาจเป็นการออกกฎหมายเพื่อคนใดคนหนึ่ง ถ้าทำได้ก็อยากทำ

“รัฐบาลพยายามคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียหายในคดีตากใบ ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุ ก็มีการดำเนินคดี ซึ่งในขณะนั้นเริ่มตั้งแต่ชันสูตรพลิกศพ ว่าผู้ตายเป็นใคร ใครทำให้ตาย จนกระทั่งปี 2552 ศาลไม่ได้ชี้ และข้าราชการก็ย้ายออกจากพื้นที่ไปหมด ซึ่งต่างจากคดี 99 ศพ ศาลยังระบุว่าอาวุธปืนมาจากเจ้าหน้าที่ แต่คดีนี้ไม่ได้ระบุว่าใครทำให้ตาย โดยในความบกพร่องตรงนั้น ตำรวจตั้งคณะกรรมการสอบสวน ร่วมกับ สภ.หนองจิก เมื่อปี 2552 ว่าเหตุใดไม่ทำสำนวนให้จบ และเรื่องนี้ก็ถือเป็นความสวยงามของกฎหมายที่ประชาชนฟ้องเองได้และมาฟ้องในปีที่ 20” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่เหลือเวลาอีก 2 วันจะหมดอายุความ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ยอมรับก็เป็นความกังวล แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องปกป้องคุ้มครองประชาชนทุกฝ่าย และเราก็เสียใจกับประชาชนที่เป็นผู้เสียหายในคดีตากใบ ซึ่งพรรคประชาชาติเป็นผู้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมา โดยนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ นำเรื่องเข้ากรรมาธิการเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2566 ช่วงปลายรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และมีการเรียกหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาชี้แจงว่า สำนวนยังมีความบกพร่อง ที่ตำรวจยังไม่สืบสวน โดยไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิด ที่จะต้องทำภายใน 20 ปีของอายุความ เราก็ทำหน้าที่ตรงนั้นซึ่งก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในระดับหนึ่ง

เมื่อถามว่าสำหรับที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงกรณีแป้ง นาโหนด ที่หลบหนีไปนอกประเทศแต่ยังนำตัวมาดำเนินคดีได้นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ข้อกำหนดของแต่ละประเทศต่างกัน และในส่วนของแป้ง นาโหนดกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้เสียหาย แต่กรณีนี้กระทรวงไม่ได้เป็นผู้เสียหาย แต่มอบให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปช่วยสนับสนุนข้อมูล 

เมื่อถามว่ากลุ่มเอ็นจีโอเสนอให้นำกรณีของ พล.อ.พิศาล ไปร้องเรียนต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนขอชื่นชมเอ็นจีโอและทุกภาคส่วนที่สนับสนุนเรื่องนี้ เพราะความยุติธรรมเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องมีส่วนร่วม ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้กังวล เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการช่วยเหลือใคร และไม่มีอคติที่จะช่วยเหลือใคร อีกทั้งอยากให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเราคิดเสมอว่า เราใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเป้าหมายสุดท้าย 

เมื่อถามอีกว่าคดีตากใบถึงเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลอดีตพรรคไทยรักไทย แต่ปัจจุบันเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะถูกเชื่อมโยงกันหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ทุกอย่างเมื่อความจริงปรากฏ ความชั่วร้ายก็จะหายไป