เมื่อวันที่ 20 ต.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีตรวจสอบคลิปเสียงลับนักร้องเรียน นักการเมืองชื่อดัง เรียกรับเงินจาก นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป” ตามที่ นายวรัตน์พล เคยกล่าวอ้างว่ามีการบันทึกเป็นคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐานจำนวนหลายคลิป ว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ประสานข้อมูลร่วมกับทางตำรวจ บก.ปอท. เพื่อตรวจสอบไฟล์ต่างๆ ในเครื่องโทรศัพท์มือถือของ นายวรัตน์พล ที่ยึดไว้ ทราบว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ

“บอสพอล”ยันคลิปเสียงในโซเชียล เป็นของนักการเมืองจริงจ่อเรียกเจ้าตัวให้ข้อมูล

ทั้งนี้เมื่อถามว่าจะมีการเชิญตัวนักการเมืองดังหรือบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงมาเข้าให้ปากคำเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ในส่วนนี้คงต้องผลการตรวจพิสูจน์ทราบพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัดก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.) ตนและทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จะมีการประชุมย่อยนอกรอบเพื่อหารือแนวทางการทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีการติดตามตัว นายเอก คนขับรถส่วนตัวของ นายวรัตน์พล หรือ บอสพอล เพื่อตามหาโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของบอสพอลอีกเครื่องมาตรวจสอบนั้น ล่าสุดมีรายงานแจ้งเข้ามาว่า เมื่อช่วงเย็นวานที่ผ่านมา (19 ต.ค.) นายเอก ได้ประสานติดต่อเข้ามายังเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว เพื่อส่งมอบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องของนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยนายเอก ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนานำโทรศัพท์ของบอสพอลไปซุกซ่อนแต่อย่างใด เพียงแต่ตั้งใจจะนำไปให้เลขาฯ ส่วนตัวของบอสพอลดูแลเก็บรักษาไว้ แต่เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ต้องการจะตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน จึงรีบนำมาส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ในทันที

สำหรับโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าข้อมูลภายในเครื่องน่าจะมีไฟล์คลิปเสียง ที่นายวรัตน์พล หรือ บอสพอล เคยแอบบันทึกอัดเก็บไว้ขณะสนทนากับบรรดานักร้องเรียน และ นักการเมืองดัง ต่างๆ ที่พยายามเข้ามาเจรจาเรียกรับเงินค่าดูแล ตามคำกล่าวอ้างของเจ้าตัวที่เคยให้ปากคำไว้อยู่จริง

เพราะเจ้าตัวเคยให้การยอมรับว่า มีโทรศัพท์มือถือสองเครื่อง โดยเครื่องหลักที่ถูกตรวจยึดไปก่อนหน้านี้จะใช้สำหรับติดต่อทั่วไป ส่วนอีกเครื่องที่นายเอก คนขับรถเก็บรักษาไว้ จะใช้สำหรับบันทึกข้อมูลหรือกิจกรรมงานต่างๆ รวมถึงใช้เป็นเครื่องอัดเสียงเวลาที่ถูกกลุ่มคนเหล่านี้โทรฯเข้ามาข่มขู่เรียกเงิน

ซึ่งหากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องแล้วพบว่ามีไฟล์คลิปเสียงดังกล่าวอยู่ในเครื่องจริง ก็จะถือเป็นกุญแจดอกสำคัญในการคลี่ปมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีคลิปเสียงลับฉาวต่างๆ ว่ามีบุคคลใดบ้างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้รับการส่งมอบโทรศัพท์มือถือของนายวรัตน์พล จากนายเอก คนขับรถส่วนตัว ก็ได้รีบนำส่งต่อไปยังตำรวจ บก.ปอท. เพื่อตรวจวิเคราะห์ข้อมูลภายในเครื่องในทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีบุคคลใกล้ชิดคนใดของนายวรัตน์พล ที่ทราบรหัสพาสเวิร์ดเปิดเครื่อง จึงทำให้ยังไม่สามารถเปิดโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบข้อมูลในทันทีได้