ช่วงต้นเดือนต.ค.ที่เพิ่งผ่านมา ศาลอังกฤษเพิ่งตัดสินคดีของหญิงสาวชาวบัลแกเรียผู้แอบอ้างตัวเองเป็นแพทย์และให้การรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

เครียนา สดราฟโควา ปัจจุบันอายุ 20 ปี ได้ก่อเหตุหลอกลวงผู้ป่วยในโรงพยาบาล เธอใช้ไซริงจ์ฉีดสารบางอย่างให้คนไข้ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายพาตัวมาส่งโรงพยาบาลอีลลิง เขตเวสต์ลอนดอน เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยที่พวกเขาคิดว่าเธอเป็นแพทย์หญิงที่ชื่อว่า “ดร. คริสตินา”

ขณะที่ก่อเหตุ สาวผู้อพยพจากบัลแกเรียมาอยู่ที่ลอนดอนมีอายุ 19 ปี คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลเผยว่า เธอเข้าไปแนะนำตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยที่สวมเสื้อคลุมแพทย์สีฟ้าอยู่ด้วย หลังจากนั้นเธอก็ใช้ไซริงจ์ฉีดสารบางอย่างเข้าไปในปากของผู้ป่วยที่กำลังนอนหมดสติ

นอกจากนี้ สดราฟโควายังเข้าไปตรวจสอบเข็มฉีดยาในโรงพยาบาลและขึ้นรถพยาบาลคันหนึ่งไปด้วยภายในวันเดียวกันนั้นเอง

อัยการรัฐโจ วีคส์ชี้แจงต่อศาลว่า หลังจากที่โรงพยาบาลพบว่า แพทย์หญิงคริสตินาไม่มีตัวตนอยู่จริง พวกเขาก็เริ่มตามหาตัวคนที่แอบอ้างและให้การรักษาคนไข้โดยไม่ได้รับอนุญาต

หลังจากนั้น 3 วัน สดราฟโควาก็กลับมาที่โรงพยาบาลดังกล่าวอีกครั้ง โดยคราวนี้เธอมีหูฟังทางการแพทย์คล้องคอมาด้วย แต่ก็โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับตัวไว้ได้อย่างรวดเร็ว

สดราฟโควาโดนดำเนินคดีและส่งตัวขึ้นศาลสูงคดีอาญาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีทนายความของเธอพยายามแก้ต่างว่า สดราฟโควาเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่สหราชอาณาจักร เธอเคยตกเป็นเหยื่อในรูปของ “เจ้าสาวเด็ก” ต้องแต่งงานตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี มีลูกฝาแฝดอายุ 6 ขวบกับคู่สมรสของเธอ 

ทนายความของเธอชี้ว่าเป็นเพราะต้องมีลูกตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เธอจึงพลาดโอกาสทางการศึกษา นอกจากนี้เธอยังมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นแพทย์มาโดยตลอด และการที่เธอเข้าไปแอบอ้างตัวว่าเป็นแพทย์ อีกทั้งยังให้การรักษาคนไข้นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังได้ใช้ชีวิตในฝันของเธอ

นอกจากนี้ ทนายความของสดราฟโควายังกล่าวหาองค์กรบริการสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (NHS) ว่าทำหน้าที่อย่างหละหลวม ปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้าถึงตัวผู้ป่วยได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล

ด้านผู้พิพากษาฟิโอนา บาร์รี ชี้ว่าผู้ป่วยที่ตกเป็นเหยื่อของสดราฟโควานั้นอยู่ในภาวะไม่ได้สติ ถือว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง และนับว่าเป็นโชคดีแล้วที่ไม่มีใครต้องป่วยหนักเพราะการกระทำของเธอ

ผู้พิพากษายังกล่าวเสริมว่า เหยื่อเชื่อว่าเขาได้รับการรักษาโดยแพทย์ตัวจริง ซึ่งอาจทำให้สภาพจิตใจของเขาเสียหายอย่างมาก เมื่อรู้ความจริง นอกจากนี้ การกระทำของสดราฟโควานั้นมีความชัดเจนว่าเกิดจากการวางแผนไว้ก่อน เธอยังทำให้ความน่าเชื่อถือและคุณค่าของ NHS เสียหาย ทั้งที่ผู้ป่วยควรรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจได้เมื่อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลในเครือ NHS 

สดราฟโควายอมรับผิดตามข้อกล่าวหาว่ากระทำการที่เป็นอันตรายแก่ผู้อื่น อย่างไรก็ตาม  ผู้พิพากษารับทราบถึงอายุของจำเลยขณะก่อเหตุ รวมถึงการขาดวุฒิภาวะและความเดียงสา อีกทั้งยังโดนขังอยู่ในเรือนจำมาก่อนหน้านี้ 35 วันแล้ว จึงตัดสินลงโทษให้เธอทำงานรับใช้สังคมเป็นเวลา 12 เดือนและเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อบำบัดพฤติกรรม 15 วัน โดยไม่ต้องรับโทษจำคุกอีก

นอกจากนี้ สดราฟโควายังโดนสั่งห้ามเข้าไปในโรงพยาบาลหรือสถานที่ทำการในเครือข่าย NHS ทุกแห่ง ยกเว้นในกรณีฉุกเฉินที่เกี่ยวกับสุขภาพเท่านั้น

ที่มา : dailymail.co.uk

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES