เมื่อวันที่ 12 ต.ค ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ งานเสวนาตามหาขุมทรัพย์ของกองทัพไทย การบริหารธุรกิจเชิงพาณิชย์ของกองทัพ ที่จัดขึ้นโดยกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร โดยมีคณะกรรมาธิการ อดีตสื่อมวลชนและนักวิชาการร่วมเสวนา
นายสุภลักษณ์ กาญจนขุนดี อดีตสื่อมวลชน กล่าวภายใต้หัวข้อผูกขาดชั่วนิรันดร์ วิทยุโทรทัศน์ทหาร ระบุว่า ทหารถือใบอนุญาตทั้งวิทยุและโทรทัศน์ มากกกว่า 200 ใบอนุญาต มากกว่ากรมประชาสัมพันธ์ ที่มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ถึง 2 เท่า เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์ ทบบ.5 ครอบครองไปอนุญาต 1 ใบ และ 1 คลื่นวิทยุ ตั้งมาเพื่อความมั่นคง แต่ไม่ตอบโจทย์ความมั่นคง เพราะมีเนื้อหาแค่ 8% เรตติ้งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน มีผู้ชมแค่ 8,000 คน มีกำไรเพียงปี 2560 หลังจากนั้นขาดทุนมาโดยตลอด เป็นหน่วยงานของรัฐภายใต้กองทัพบก มีภาระหนี้สิน ที่ทำการกู้โยงกันไปมาภายหน่วยงาน และกู้เงินจากธนาคารทหารไทย กว่า 1,615 ล้าน เพื่อลงทุนโครงการดาวเทียม ซึ่งสถานี ททบ.5 ต้องเป็นหนี้บริษัท RTA Entertainment ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น RTA Enterprise และล่าสุดบริษัทดังกล่าว จากการตรวจสอบปี 2566 มีหนี้ 1,005 ล้านบาท ทางสถานี ททบ.5 ยืนยันให้การสนับสนุนบริษัทนี้ต่อแม้ว่าจะขาดทุน เพิ่งพูดถึงหุ้น 49% ก็ยังคงเป็นกองทัพบก
โดยยังระบุอีกว่า กองทัพบกจะแจ้งต่อระบบภาษีของ RTA Enterprise ได้อย่างไร เมื่อ พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ไม่ได้ให้อำนาจหน่วยงานในสังกัดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ และบรรดานายพลทั้งหลาย ที่เป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการบริษัท RTA Enterprise อยู่ได้อย่างไร ในเมื่อคำสั่งการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินปี 2519 ห้ามข้าราชการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้จัดการบริษัท หรือกรรมการบริษัท หรือแม้แต่อ้างชื่อ
ขณะที่ผู้บริหาร ททบ.5 มาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการหลายครั้ง ว่าบริษัทดังกล่าวกับสถานีไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน แต่ยอมรับว่าบริษัทมีสถานะเป็นลูกหนี้ แต่ปฏิเสธที่จะบังคับการชำระหนี้ ซึ่งอาจบอกได้ว่าหนี้นี้เป็นหนี้เสีย ที่อาจจะเป็นหนี้สูญ พร้อมมีข้อเสนอแนะว่าไม่ควรดำเนินธุรกิจต่อไป
ขณะที่นายเชตวัน เตือประโคน รองประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวภายใต้หัวข้อสนามกอล์ฟมีไว้ทำไมว่า สนามกอล์ฟของกองทัพ มีทั้งสิ้น 57 แห่ง พื้นที่รวม 20,000 ไร่ กองทัพเรือ 4 สนาม กองทัพอากาศ 13 สนาม และกองทัพบก 40 สนาม โดยมี 4 สนามที่กองทัพไม่สามารถชี้แจงได้ โดยเหตุผลของการมีสนามกอล์ฟนั้น กองทัพชี้แจงว่า เป็นสถานที่ออกกำลังกายของทหาร ใช้เป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง ใช้ในการควบคุมค่าใช้จ่ายของสนามกอล์ฟเอกชน และสนามกอล์ฟกองทัพ มีไว้เพื่อการจัดการบริหารพื้นที่ ใช้คำว่าเป็นเรื่องของความมั่นคง เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม ซึ่งในภายหลังกองทัพออกมาชี้แจงว่าเป็นสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อย โดยเสนอให้เปลี่ยนสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ เป็นสวนสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนกว่า 300,000 คน ที่อยู่โดยรอบ จะได้ใช้ประโยชน์ การมีรายได้กำไร 11 ล้านต่อปี กับที่ดิน 600 กว่าไร่ มูลค่าที่ดินหมื่นกว่าหมื่น ถือว่าไม่คุ้มทุน เสียโอกาสในการทำรายได้ให้กับประเทศ เช่นเดียวกับสนามกอล์ฟอื่นๆ ควรทำเป็นสวนสาธารณะหรือศูนย์กลางคมนาคม
ขณะที่ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวในหัวข้อขุมทรัพย์พลังงาน ว่า กองทัพไทยเป็นเจ้าของขุมทรัพย์ใต้ดินที่ผูกขาดมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ท่ามกลางคนไทยที่ต้องใช้น้ำมันแพง โดยรายได้ไม่ต้องส่งคืนคลัง เป็นรายได้แผ่นดิน ใช้เหตุผลสำรองไว้เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน บ่อน้ำมันฝางที่อยู่ในพื้นที่การดูแลของส่วนพัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือของกรมการพลังงานทหาร ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 6 จังหวัด เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ ลำพูน และแพร่ ซึ่งอยู่นอกกฎหมายปิโตรเลียมที่รัฐไม่ต้องสัมปทานให้ใคร ไม่ต้องรายงานการผลิต ซึ่งมีกำลังการผลิต 1% ของกำลังการผลิตทั่วประเทศ ซึ่งสวนทางกับข้ออ้างที่ว่าเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางพลังงานของประเทศในห้วงวิกฤติ แต่มีการตั้งคำถามว่ากองทัพต้องการครอบครองไว้เพื่อประโยชน์ของกองทัพหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน น.ส.เบญจา ระบุว่า ต้องจับตาว่าจะมีการอนุมัติงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท เพื่อให้ดำเนินกิจการดังกล่าวหรือไม่เนื่องจากมองแล้วไม่คุ้มค่า ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมขนาด 10.4 เมกะวัตต์ ตนตั้งคำถามว่า รายได้มหาศาลในการลงทุนธุรกิจพลังงานครบวงจร เป็นเงินอุดหนุนที่เก็บไว้ใช้จ่ายในค่ายทหาร ไม่ต้องส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินนั้นไปไหนหมด รวมไปถึงโรงแรมหรู 5 ดาวของกองทัพ รีสอร์ทสิรินพลา ระยอง ที่ใช้เงินอุดหนุนของบ่อน้ำมันฝาง ประสบภาวะขาดทุนสะสมต่อเนื่อง ในอนาคตจะเป็นภาระด้านงบประมาณที่รัฐและประชาชนจะต้องเข้าไปช่วยอุ้มธุรกิจต่อไปหรือไม่
โดย น.ส.เบญจา มองว่า ถึงเวลาและที่กองทัพจะต้องคืนสิทธิในทรัพยากรคืนคุณสมบัติของชาติ ให้รับนำไปจัดสรรและบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นธรรมกับประชาชนทั้งประเทศ คืนทรัพยากรใต้ดินให้กับรัฐ เพื่อมอบสิทธิให้กับเอกชนเข้ามาสำรวจและผลิตนำทรัพยากรนี้มาใช้พัฒนาประเทศ และมั่นใจว่ารัฐจะได้เพิ่มขึ้น ส่วนโรงแรมริมหาด 5 ดาว ควรเปิดให้เอกชนเข้ามาพัฒนาพื้นที่เช่า บริหารแบ่งรายได้ส่งให้รัฐ เป็นสวัสดิการให้กับประชาชนและกำลังพลชั้นผู้น้อย เพื่อความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ถึงเวลาให้คืนนายทหารให้ประชาชน และคืนนายพลให้เขากลับไปทำงานในกองทัพ
ขณะที่นายพิจารณ์ เชาว์พัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน กล่าวภายใต้หัวข้อ เจ้าที่ดิน ที่ดินของรัฐในมือกองทัพ ว่า ประเทศไทยมีเพียงจังหวัดเดียวที่ไม่มีที่ดินของทหาร คือ อ่างทอง โดยกองทัพบกมีที่ดินราชพัสดุมากที่สุด ขณะที่กรุงเทพฯ มีพื้นที่ชุมชนแออัดกว่า 600 ไร่ เมื่อเทียบกับทหารที่มีที่ดินมากมาย จึงนำมาซึ่งการตั้งคำถามถึงการใช้ประโยชน์ในที่ดินของกองทัพ โดยตั้งคำถามถึงอาณาจักรที่ดินที่มากมายและไม่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ คือไม่ได้ส่งงบการเงินตามที่กรรมาธิการร้องขอ รวมไปถึงสนามมวย ที่มีรายได้มากที่สุด แต่กลับไม่ส่งงบการเงินให้กรรมาธิการ พร้อมกับระบุว่า ขอให้มองว่านโยบายปฏิรูปกองทัพ เป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่าคิดว่าไกลเกินไป และไม่เกี่ยวข้องกับเรา เพราะหากงบไม่ได้เข้ากระเป๋ากองทัพก็จะประหยัดเงินที่จะต้องไปกู้จากธนาคารต่างประเทศ เพื่อให้ใช้จ่ายในโครงการพัฒนาต่างๆ ได้
ส่วนนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา กล่าวในหัวข้อ ธุรกิจชิลชิลๆ สากกะเบือยันเรือรบ ว่า กองทัพมีหลายกลุ่มธุรกิจ อย่างภาคการท่องเที่ยว ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬาที่สังกัดกองทัพบก มีค่ายทหารมากกว่าศาลากลางมีจำนวน 107 ค่าย มีสถานที่ท่องเที่ยวในค่ายกว่า 307 แห่งทั่วประเทศ ธุรกิจที่พักที่มาควบคู่กับการท่องเที่ยว ธุรกิจพรีเวดดิ้ง โดยยังมีการตั้งข้อสังเกตว่ากองทัพมีงบประชุมสัมมนามากที่สุด แต่กลับไม่ไปพักยังสถานที่ของหน่วยงานตัวเอง การประกอบกิจการขนส่งมวลชน ธุรกิจเรือลอยอังคาร ธุรกิจเลี้ยงปศุสัตว์และทำการเกษตร โดยมีความพยายามชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจของกองทัพมีหลากหลายประเภท แต่กลับไม่ทราบผลกำไร
นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า การทำงานตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ของกรรมาธิการการทหาร ค่อนข้างยากลำบาก กองทัพไม่ให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะการของบย้อนหลัง ปฏิเสธการถูกตรวจสอบ นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า คงไม่เกินจริงเกินไปที่กองทัพ มีอิสระในการสร้างรายได้หาผลประโยชน์เข้ากระเป๋า แย่งงาน แย่งอาชีพของประชาชน และทหารเองมีต้นทุนทางที่ดินจำนวนมากเกินความจำเป็น และงบประมาณปีละ 2 แสนล้าน รวมไปถึงกำลังพลผลัดเปลี่ยนเข้ามา 100,000 คนทุกปี เราไม่ได้อยู่ในสภาวะสงคราม ปัญหาคือทรัพยากรที่กองทัพมี ถือครองมากเกินไปเกินความจำเป็น จึงหารายได้เข้ากระเป๋า หากเป็นไปได้ข้อเสนอของตน อยากให้พิจารณาทบทวนทรัพยากรที่จะสั่งให้กองทัพใหม่
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวในหัวข้อ ข้อเสนอผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ต้องโปร่งใสและเป็นธรรม ว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการ ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดเวลาพูดถึงกองทัพพาณิชย์ การปฏิรูปพาณิชย์กองทัพ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งพรรคประชาชนยังไม่ได้ประกาศ แต่จะนำนโยบายของก้าวไกลมาพัฒนา ซึ่งการปฏิรูปกองทัพ รัฐบาลต้องอยู่เหนือกองทัพ และกองทัพต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทหารต้องออกจากการเมือง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 7 ปี หลังจากเกษียณราชการ แก้ไข พ.ร.บ.สภากลาโหม ยกเลิกศาลทหารในสถานการณ์ปกติ ลดขนาดกองทัพลงร้อยละ 30 ลดจำนวนนายพลให้เหลือแค่ 400 นาย ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ เพิ่มสวัสดิการเพิ่มแรงจูงใจในการสมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ยกเลิก กอ.รมน. นำงบประมาณและบุคลากรมาจัดสรรใหม่ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา มีความพยายามที่จะผลักดันให้เป็นจริง แต่สิ่งที่จับต้องได้คือ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก กอ.รมน. สถานะถูกนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ปัดตน ไม่ได้เข้าสภา ด้วยให้เหตุผลว่าเป็นร่างที่อำนาจไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ ส่วนร่าง พ.ร.บวินัยการเงินการคลัง การยกเลิกเงินนอกงบประมาณของกองทัพถูกตีตก เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ที่จะปฏิรูปกองทัพ ธุรกิจกองทัพถูกตีอยู่ในกองทุนสวัสดิการ เงินนอกงบประมาณ และการลงทุนในบริษัท นายธนาธร ยืนยันว่า การปฏิรูปกองทัพ ไม่ใช่การลดสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย เพราะงานการใช้งบประมาณจากธุรกิจกองทัพมีความไม่แน่นอน เหมือนการของบประมาณ