เรียกได้ว่าทำเอาหลายคนเป็นห่วงและส่งกำลังจากให้มากมาย สำหรับ “น้องทะเล” ลูกชายคนโตของ “ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย” หรือ “ตูน บอดี้สแลม” และ “ก้อย รัชวิน” ที่มีอาการป่วยชักจนหมดสติ จนต้องรีบพาตัวส่งโรงพยาบาลด่วนทันที โดยตูนได้ออกมาโพสต์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่สำคัญที่สุดในชีวิต และหลังเสร็จคอนเสิร์ตเจ้าตัวก็รีบบินกลับมาหาลูกชายทันทีนั้น

ล่าสุด “ก้อย รัชวิน” ก็ได้อัปเดตอาการล่าสุดของน้องทะเล พร้อมโพสต์ขณะที่อุ้มลูกชายไว้ในอ้อมกอด และระบุเรื่องราวโดยละเอียดว่า “ตอนแรกคิดว่าจะไม่บอกใคร เพราะกลัวทุกคนจะตกใจ แต่หลังจากที่ทุกคนได้อ่านข้อความของพี่ตูนแล้ว ก็มีหลายคนส่งข้อความมาหาก้อย ก้อยจึงเขียนโพสต์นี้เพื่อเก็บบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่บีบหัวใจแม่ที่สุดและไม่เคยคาดคิดว่าจะเจอ รวมถึงคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อแม่คุณแม่หลายๆคนที่มีลูกน้อยเหมือนกัน

บ่ายไปรับทะเลที่โรงเรียน คุณครูบอกว่าน้องตัวรุมๆนิดหน่อย แต่ยังร่าเริงตามปกติ ช่วงเย็นก้อยพาน้องทะเลกับเวลามาเดินเล่น ให้อาหารปลาที่สวน Eden Vallay น้องยังหัวเราะสนุกสนาน แล้วก้อยต้องเข้าไปในงานevent ของ Eden เลยให้พี่เลี้ยงพาน้องไปอาบน้ำทานข้าวระหว่างที่รอก้อย ที่บ้านพี่ก้อย เจ้าของสวน Eden ที่อยู่ไม่ไกลจากที่จัดงาน พอเสร็จงานก็เข้าไปรับน้องที่บ้าน เข้าไปไม่ถึง 2 นาที พี่เลี้ยงอุ้มน้องทะเลวิ่งเข้ามาหาก้อยด้วยสีหน้าตื่นตกใจเบอร์สิบ “พี่ก้อยคะๆๆๆ ทะเลเป็นอะไรไม่รู้!?!”

ภาพที่ก้อยเห็นก็คือ น้องมีอาการชักเกร็ง ตาเหลือกบนเหมือนคนหมดสติ ไม่มีเวลาให้ตกใจ แม่รีบตั้งสติและงัดวิชาปฐมพยาบาลที่เคยเรียนมา ก้อยตะโกนเรียก “ทะเลๆ ได้ยินแม่มั้ย” พร้อมกับเอามือจะทำ CPR แต่ด้วยความที่ลูกตัวเล็ก กลัวว่าถ้าทำไม่ถูกจุดแล้วลูกจะเจ็บ จึงตัดสินใจผายปอดให้ลูกในทันที ด้วยสัญชาติญาณของแม่ที่ต้องการให้ลูกฟื้นคืนกลับมาให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ

ปากน้องเริ่มเปลี่ยนสี และอาการดูไม่ดีแล้ว ก้อยรีบอุ้มลูกและพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ตอนนั้นคือ รพ.ถลาง พอไปถึง ก้อยก็รีบไปยังห้องฉุกเฉิน รีบวิ่งเท้าเปล่าเข้าไป ทางเจ้าหน้าที่รีบช่วยกันเช็ดตัวให้น้อง จนน้องได้สติและเสียงร้องไห้ดังขึ้นมา วินาทีนั้นแม่แทบจะหยุดหายใจ กลัวว่าลูกจะเป็นอะไร และไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ในความรู้สึกของแม่ที่เห็นลูกหมดสติและเหมือนหยุดหายใจไปต่อหน้า มันช่างยาวนานจนแทบจะขาดใจ พอได้ยินเสียงลูกร้องดังออกมา มันจึงเหมือนยกภูเขาออกไปจากอก เพราะในที่สุดลูกก็กลับมาหาแม่

หลังจากนั้นรถพยาบาลก็มารับน้องย้ายจากรพ.ถลางไปที่รพ.กรุงเทพภูเก็ตอย่างปลอดภัย คุณหมอวินิจฉัยว่า น้องติดเชื้อในกระแสเลือด และมีอาการไข้ขึ้นสูงเฉียบพลันจนทำให้เกิดอาการชัก ซึ่งโดยปกติจะเกิดขึ้นได้ในเด็กแรกเกิด-2ขวบ แต่ทะเลที่กำลังจะ3ขวบอีก ในอีก5วันข้างหน้า ก็ถือว่าแปลก แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ประเด็นคือก่อนหน้าที่น้องจะชักน้องไม่ได้ตัวร้อนจี๋หรือมีอาการใดๆ ที่ดูผิดปกติเลยแม้แต่นิดเดียว

ได้แต่คิดว่าถ้าก้อยมาถึงบ้านเพื่อนช้าไปกว่านี้ ถ้าก้อยไม่ได้มีพี่เล็ก(คนขับรถ) ที่ช่วยขับรถไปให้แบบในหนัง fast and furious แล้วถ้าลูกไม่ฟื้นขึ้นมาจะทำอย่างไร

เหตุการณ์นี้เหมือนเป็นบททดสอบความเป็นแม่ครั้งยิ่งใหญ่ให้กับก้อย แม้ว่ากว่าจะผ่านด่านนี้มันไม่ง่ายเลยและการมี “สติ” คือสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ จึงอยากบอกพ่อแม่ทุกคนว่า หากลูกมีอาการชักจากไข้สูงห้ามเอาช้อนหรืออะไรยัดเข้าไปในปาก (หลายคนเข้าใจผิดในจุดนี้) แต่ให้ตะแคงตัวลูกและเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ตัวเย็นเร็วที่สุด และหากลูกยังไม่ฟื้นกลับมาให้รีบไปโรงพยาบาลทันที และก้อยได้ให้น้องทะเลทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง(EEG) เพื่อจะหาสาเหตุของอาการชักและจะได้มั่นใจว่าเขาจะไม่มีโอกาสเป็นโรคลมชักในอนาคตซึ่งผลออกมาว่า คลื่นสมองของน้องทะเลนั้นปลอดภัยดีไม่มีอะไรน่ากังวล

ขอบคุณคุณหมอเกด รพ.กรุงเทพภูเก็ต ที่กำลังจะออกเวรแต่วนรถกลับมาเพื่อนั่งรถambulance มาช่วยทะเล และคุณหมอธนิตนันท์ แพทย์เฉพาะทางเรื่องการชักที่อยู่เวรวันนั้นพอดี ขอบคุณคุณหมอและพี่ๆเจ้าหน้าที่ที่รพ.ถลางที่ช่วยทะเลไว้ทัน ขอบคุณพี่ก้อย พี่พอล น้องบิว น้องภู ครอบครัวภูเก็ตของก้อย ที่รีบออกจากงานมาช่วยก้อยที่โรงพยาบาล ขอบคุณพี่เล็ก ที่ขับรถตู้ให้ประหนึ่งขับมอเตอร์ไซด์วิน ขอบคุณพี่แฟง อภิชาตเพื่อนที่รีบบินจากกทม.ลงมาดูใจแม่ทะเล ขอบคุณพี่กิฟท์ พี่เก่ง Gymboree คุณฮาชิ น้องทุม พี่เกด รวมถึงทุกๆคนที่ส่งกำลังใจมาให้น้องทะเลนะคะ และขอบคุณ “ตัวเอง” ที่มีสติที่สุด ในวันที่ต้องเจอกับเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต

โดยที่ก้อยต้องเผชิญกับเรื่องนี้โดยที่ไม่มีพี่ตูนอยู่ข้างๆ เพราะพี่ตูนเล่นคอนเสิร์ตอยู่ที่สวีเดน วันเกิดเหตุก้อยไม่สามารถเล่าดีเทลทั้งหมดให้พี่ตูนฟังได้ เพราะกลัวว่าเขาจะไม่มีกะจิตกะใจทำงาน แต่พอเสร็จคอนเสิร์ตปุ๊ปพี่ตูนก็รีบเปลี่ยนไฟล์ทจากที่ต้องกลับวันอังคารดึกๆให้กลับมาถึงวันจันทร์ตอนเช้า เพื่อจะได้กลับมาหาลูกให้เร็วที่สุด สุดท้ายจึงอยากขอบคุณโชคชะตาและใครบางคน ที่ทำให้ครอบครัวเรายังได้อยู่กันพร้อมหน้า และได้กลับมากอดกันอีกครั้ง ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”..

ขอบคุณภาพประกอบ : rachwinwong