สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แถลงเกี่ยวกับความสำเร็จ ในการสังหารนายฮัสซัน นาสราลเลาะห์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ จากการโจมตีทางอากาศ “แบบจำเพาะเจาะจง” ต่อเป้าหมายในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คือการที่อิสราเอลสามารถ “ชำระแค้น” กับหนึ่งในบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรง กับการสังหารพลเมืองอิสราเอล และประชาชนจำนวนมากของอีกหลายประเทศ


ทั้งนี้ เนทันยาฮูต้อการสื่อถึง เหตุการณ์ระเบิดโจมตีสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงเบรุต เมื่อปี 2526 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 63 ราย และการโจมตีฐานประจำการของกองทัพสหรัฐและฝรั่งเศส คร่าชีวิตทหารอเมริกัน 241 นาย และทหารฝรั่งเศส 58 นาย


ขณะเดียวกัน ผู้นำอิสราเอลกล่าวด้วยว่า “หากมีใครลุกขึ้นแล้วประกาศว่าต้องการฆ่าเรา เราต้องฆ่าอีกฝ่ายก่อน” และการเสียชีวิตของนาสราลเลาะห์น่าจะนำไปสู่ “จุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์” ในการต่อสู้กับ “ศัตรู” พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า การสังหารนาสราลเลาะห์คือเงื่อนไขที่จำเป็น และมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการที่อิสราเอลจะบรรลุหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของสงคราม นั่นคือ การที่ประชาชนซึ่งต้องอพยพออกจากภาคเหนือของอิสราเอล จะสามารถเดินทางกลับเข้าไปอาศัยในพื้นที่ได้อีกครั้ง


อย่างไรก็ตาม กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า ปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ “ยังไม่สิ้นสุด” เนื่องจากอีกฝ่ายยังคงมีขีปนาวุธและจรวด พร้อมฐานยิงจรวดอีกเป็นจำนวนมาก และยังคงสามารถยิงอาวุธเหล่านั้นมายังอิสราเอลได้ในเวลาเดียวกัน


ด้านอิหร่านเผยแพร่แถลงการณ์ของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุด ซึ่งไม่ได้มีเนื้อหาพาดพิงโดยตรง เกี่ยวกับการเสียชีวิตของนาสราลเลาะห์ แต่ระบุว่า อิสราเอล “อ่อนแอเกินไปที่จะสร้างความเสียหาย ให้กับโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน” พร้อมทั้งเรียกร้องพันธมิตรในนาม “อักษะแห่งการต่อต้าน” ที่สมาชิกประกอบด้วย รัฐบาลซีเรีย กองกำลังในอิรัก กลุ่มฮามาส กองกำลังฮูตี กองกำลังนักรบปาเลสไตน์อีกหลายกลุ่ม และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ร่วมกันยืนหยัดต่อไป และสร้างความเจ็บปวดให้แก่ศัตรู.

เครดิตภาพ : AFP