สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ว่ากระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ ว่าประชาชนราว 110,000 คน รวมตัวทั่วประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในจำนวนนี้รวมถึงประชาชนราว 26,000 คน ซึ่งร่วมเดินขบวนในกรุงปารีส เพื่อประท้วงไม่ยอมรับ การที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แต่งตั้งนายมิเชล บานิเยร์ นักการเมืองอาวุโสฝ่ายขวา ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้พันธมิตรฝ่ายซ้ายชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเกิดขึ้นก่อนกำหนด เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา
นายฌ็อง-ลุก เมล็องชง แกนนำคนสำคัญของพันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายในนาม “แนวร่วมประชานิยมใหม่” ( เอ็นเอฟพี ) กล่าวว่า ฝ่ายซ้ายจะเดินหน้าประท้วงต่อไป และจะไม่มีทางประนีประนอม พร้อมทั้งประณามมาครง “ขโมยผลการเลือกตั้งจากประชาชน”
ทั้งนี้ พันธมิตรฝ่ายซ้ายเสนอชื่อ น.ส.ลูซี กัสเตส์ นักเศรษฐศาสตร์หญิง วัย 37 ปี ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อเร่งแก้ไขวิกฤติหนี้สินของรัฐบาล แต่มาครงกล่าวว่า กัสเตส์จะไม่ผ่านการลงมติไว้วางใจจากสภาผู้ปทนราษฎร เนื่องจากเอ็นเอฟพีไม่ได้ครองเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภา
ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อนกำหนด เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่า พันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายในนาม “แนวร่วมประชานิยมใหม่” ( เอ็นเอฟพี ) ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด ตามด้วยพันธมิตรสายกลางนำโดยพรรคเรเนสซองส์ ของมาครง และพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ( อาร์เอ็น ) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด แต่หากนับเฉพาะการเป็นพรรคการเมืองเดี่ยว ถือว่า พรรคอาร์เอ็นได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด
ตามรัฐธรรมนูญของฝรั่งเศส ประธานาธิบดีมีอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเฟ้นหาผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งการแต่งตั้งบาร์นิเยร์เกิดขึ้น หลังฝรั่งเศสต้องเผชิญกับภาวะชะงักงันทางการเมืองยาวนานร่วม 2 เดือน เนื่องจากมาครงต้อง “หาทางออก” จากการเดิมพันทางการเมืองของตัวเอง ด้วยการยุบสภา แต่กลับกลายเป็นว่า แนวร่วมฝ่ายซ้ายชนะการเลือกตั้งแทน
อนึ่ง บาร์นิเยร์ วัย 73 ปี ซึ่งเป็นอดีตรมว.กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส และเคยทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนของสหภาพยุโรป ( อียู ) ในการเจรจาเบร็กซิตกับสหราชอาณาจักร ระหว่างปี 2559-2562 ถือเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งรับตำแหน่งขณะมีอายุมากที่สุด ในประวัติศาสตร์การเมืองของฝรั่งเศส
ขณะที่บาร์นิเยร์กล่าวว่า ภารกิจเร่งด่วนตอนนี้ คือการจัดตั้งคณะรัฐมตรี และยืนยันการเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกขั้วการเมือง ด้านฝ่ายซ้ายเรียกรัฐบาลชุดใหม่ว่า “พันธมิตรมาครง-เลอ แปน” ส่วนเลอ แปน ยืนยันว่า พรรคอาร์เอ็นไม่ร่วมรัฐบาล และบาร์เดลลากล่าวว่า ทุกฝ่ายจะตัดสินบาร์นิเยร์ “จากผลงาน” และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก.
เครดิตภาพ : AFP