สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ว่า แหล่งข่าวซึ่งเป็นนักการทูตของสหรัฐในจีนเปิดเผยว่า รัฐบาลปักกิ่งยุติโครงการส่งบุตรบุญธรรมออกนอกประเทศในทุกขั้นตอน ยกเว้นกรณีที่มีเงื่อนไขซึ่งได้รับการยกเว้น

ทั้งนี้ สหรัฐอยู่ระหว่างประสานงาน เพื่อร้องขอการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร จากกระทรวงกิจการพลเรือนของจีน “เราเข้าใจว่าหลายพันครอบครัวกำลังอยู่ในระหว่างรอรับบุตรบุญธรรม และเราขอแสดงความเห็นใจต่อสถานการณ์นี้” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐชี้แจงในแถลงการณ์

ด้านนางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ประกาศว่า รัฐบาลปักกิ่งไม่อนุญาตให้ส่งบุตรบุญธรรมข้ามประเทศอีกต่อไป ยกเว้นการรับเลี้ยงเด็กและลูกเลี้ยง จากญาติทางสายเลือดเดียวกัน หรือภายใน 3 ชั่วอายุคน โดยชาวต่างชาติซึ่งเดินทางเข้ามาในจีนเท่านั้น และจีนจะไม่ส่งเด็กออกไปนอกประเทศ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจีนไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงการตัดสินใจครั้งนี้ เพียงแต่กล่าวว่า “เป็นไปตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง” พร้อมเสริมว่า “เราขอแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลต่างชาติและครอบครัว ที่ต้องการรับบุตรบุญธรรมชาวจีน ด้วยความรักและเมตตา”

ชาวต่างชาติจำนวนมากรับอุปการะบุตรบุญธรรมจากจีน ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยการเดินทางมาเยือนจีนเพื่อรับบุตร และพากลับไปด้วยกัน ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า ครอบครัวในสหรัฐรับอุปการะเด็กจากจีนแล้ว 82,674 คน ถือเป็นจำนวนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ

ตามข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โครงการดังกล่าวเคยถูกระงับไป เมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนที่รัฐบาลจีนจะอนุญาตให้ส่งเด็กที่ได้เอกสารรับรองการเดินทางก่อนปี 2563

ระหว่างเดือน ต.ค. 2565-ก.ย. 2566 สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลสหรัฐ อนุมัติวีซ่าให้แก่บุตรบุญธรรมชาวจีน 16 คน ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี แต่ไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่า มีการอนุมัติวีซ่าเพิ่มเติมหลังจากนั้นหรือไม่

การประกาศครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังรายงานอัตราการเกิดในจีนที่ลดลง ซึ่งเมื่อปี 2566 มีทารกแรกเกิดเพียง 9.02 ล้านคน และจำนวนประชากรโดยรวมของจีน ลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES