สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ว่าประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย เรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้ว สนับสนุนการลงทุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และปัญหาสภาพภูมิอากาศภายในประเทศ
แม้ว่าอินโดนีเซียจะมีพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 3,600 กิกะวัตต์ และป่าชายเลน 3.3 ล้านเฮกตาร์ (ราว 20 ล้านไร่) ที่สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 12 เท่า เมื่อเทียบกับการดูดซับของป่าฝนเขตร้อน “สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อโลกหากประเทศพัฒนาแล้วไม่กล้าลงทุน ตราบใดที่ผลการวิจัยและพัฒนาไม่ถูกเผยแพร่อย่างแพร่หลาย และไม่มีเงินทุนซึ่งเข้าถึงได้ง่ายสำหรับประเทศกำลังพัฒนา” วิโดโดกล่าว ในการประชุมเวทีความยั่งยืนของอินโดนีเซีย ที่กรุงจาการ์ตา โดยเขาเชื่อว่า ปัญหาจะยังอยู่หากนักลงทุนยังเห็นแก่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
อินโดนีเซียจะได้รับเงินทุน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 670,750 ล้านบาท) ภายใต้โครงการข้อตกลงการเป็นพันธมิตรด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม จากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (จี7) แต่ขณะนี้เงินทุนที่ระดมได้ยังห่างไกลจากเป้าหมายอยู่มาก
วิโดโดกล่าวว่า อินโดนีเซียซึ่งตั้งเป้าปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2603 เปิดกว้างต่อความร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงการสีเขียว รวมไปถึงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว ขณะนี้ มีโครงการประมาณ 400 โครงการที่ยังรอเงินทุน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ.
เครดิตภาพ : AFP