สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ว่างานวิจัยดังกล่าวได้รับมอบหมายจากคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเพื่อการปกป้องน่านน้ำทะเลสาบเจนีวา (ไซเพล) และดำเนินการโดยสมาคมฝรั่งเศส-สวิตเซอร์แลนด์เพื่อการปกป้องทะเลสาบเจนีวา (เอเอสแอล) ระหว่างปี 2564-2565
ผู้เชี่ยวชาญเก็บตัวอย่างจากชายหาด 25 แห่งจากทะเลสาบเจนีวา ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตกและทอดยาวระหว่างฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ ผลการทดสอบเผยให้เห็นว่า ร้อยละ 60 ของอนุภาคเป็นเส้นใยพลาสติกสังเคราะห์ขนาดเล็กที่รั่วไหลลงไปในน้ำจากซักล้างเสื้อผ้า และความเสียหายตามธรรมชาติ
ขณะที่อีกร้อยละ 40 เป็นไมโครพลาสติกขนาดเล็กกว่า 2.5 มม. ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยบรรจุภัณฑ์อาหาร, ก้นบุหรี่ และเม็ดพลาสติกอุตสาหกรรม เป็นขยะซึ่งพบได้บ่อยที่สุด
อย่างไรก็ดี ชายหาดครึ่งหนึ่งมีปริมาณขยะลดลงจากการสำรวจครั้งก่อน รายงานของไซเพลระบุว่า มีการสะสมของไมโครพลาสติกจำนวนมากในปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบเจนีวา อนุภาคดังกล่าวรวมถึงโลหะหนักและมลพิษอินทรีย์ ที่ทำให้เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำมากขึ้น
ทั้งนี้ ไซเพลและเอเอสแอลมองว่า การให้ความรู้แก่ประชาชนและหน่วยงานท้องถิ่น เกี่ยวกับการป้องกันการปนเปื้อนของพลาสติกในทะเลสาบและจากน้ำฝนถือเป็นสิ่งสำคัญ
แม้องค์กรต่าง ๆ จะชี้ให้เห็นถึงมาตรการเชิงรุกของสหภาพยุโรป (อียู) เช่น การกำหนดให้เครื่องซักผ้าต้องใช้แผ่นกรองเบื้องต้นภายในปี 2568 แต่รัฐบาลสวิสกลับปฏิเสธความริเริ่มที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน โดยเชื่อว่า การซักด้วยอุณหภูมิต่ำ, เลือกใช้ถุงซักผ้าไมโครไฟเบอร์ และใช้สิ่งทอที่ยั่งยืนและมีคุณภาพสูง อาจมีส่วนช่วยลดการปล่อยไมโครพลาสติกสู่สิ่งแวดล้อม.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES