เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ลานริมน้ำ หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จ.ราชบุรี พรรคประชาชน เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ก.ย. นี้ โดยนายชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ราชบุรี พรรคประชาชน เบอร์ 1 ได้ร่วมปราศรัยพร้อมกับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก
โดยนายชัยธวัช ปราศรัยว่าเหตุผลที่ทั้งอดีตพรรคก้าวไกล วันนี้เป็นพรรคประชาชนให้ความสำคัญกับการเมืองท้องถิ่น ก็เพราะการเมืองท้องถิ่นใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของประชาชน แม้ประชาชนยังให้ความสนใจกับการเมืองท้องถิ่นน้อย แต่นี่คือการปกครองประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากที่สุด พรรคประชาชนเชื่อว่าประเทศไทยต้องกระจายอำนาจออกจากระบบราชการรวมศูนย์ให้ได้ เมื่อไรที่ปลดล็อก เอางบประมาณ ทรัพยากร บุคลากร และอำนาจส่วนใหญ่มาไว้ที่ท้องถิ่น กลไกการบริหารราชการแผ่นดินจะตอบสนองประชาชนได้ดีกว่านี้ ปลดปล่อยศักยภาพของท้องถิ่นอย่างมโหฬารด้วยงบประมาณเท่าเดิม เราเชื่อว่าการกระจายอำนาจจะทำให้เราพัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้
นายชัยธวัช กล่าวว่า แต่ต้องยอมรับว่าคนไทยจำนวนมากคุ้นเคยกับการเมืองท้องถิ่นแบบเก่าที่ไม่น่าไว้วางใจ เต็มไปด้วยอิทธิพลของบ้านใหญ่ แต่ถ้ายิ่งเราไม่พอใจก็ต้องยิ่งให้ความสนใจและออกมาเลือกตั้ง ให้การเมืองท้องถิ่นไม่วนกับระบบอุปถัมภ์แบบเดิม เริ่มเปลี่ยนจาก อบจ.ราชบุรีเป็นจุดหมายแรกของประเทศไทย ราชบุรีดีกว่าเดิมไม่ได้หากเรายังไม่ให้ความสนใจตื่นตัวแบบเดียวกับการเมืองระดับชาติ
นายชัยธวัช ยังกล่าวว่า เพื่อความชัดเจนสำหรับประชาชนชาวราชบุรีที่จะไปเลือกตั้ง ตนขอถามไปถึงทั้งกระทรวงมหาดไทย และ กกต. ว่ากรณีอดีตนายก อบจ. ถูกชี้มูลความผิด ศาลรับฟ้องแล้ว ถึงจะได้รับการประกันตัวออกมา แต่ถ้าชนะการเลือกตั้งแล้วจะดำรงตำแหน่งนายก อบจ. ได้อีกหรือไม่ จะกลายเป็นปทุมธานีสองหรือไม่ ที่วันนี้ก็ยังไม่สามารถรับรองได้ ด้วยเหตุนี้ตนจึงอยากฝากถึงชาวราชบุรีทุกคนว่าถ้าอยากมั่นใจว่าเลือกแล้วได้นายก อบจ. แน่ๆ ก็ขอให้เลือกนายชัยรัตน์เป็นคำตอบสุดท้าย
ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ความสวยงามของการเมืองท้องถิ่นก็คือการที่ตัวแทนของประชาชนที่ได้รับเลือกตั้งมา อยู่ใกล้ประชาชน ได้มาเป็นผู้ใช้งบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าประชาชนจำนวนมากมักคุ้นเคยกับการเมืองแบบอุปถัมภ์ ซึ่งพรรคประชาชนตั้งใจเปลี่ยนความคิดแบบนี้ให้ได้ ด้วยการเริ่มต้นที่ราชบุรีแห่งนี้ ทำให้ชาวราชบุรีและคนไทยได้เห็นว่าคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ราชบุรียังมีปัญหาทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน น้ำประปา สิทธิสถานะ แต่ปัญหาพื้นฐานเหล่านี้สามารถแก้ได้ด้วยอำนาจของ อบจ. เช่น การทำระบบน้ำประปาให้ใสสะอาด ไหลตลอด 24 ชั่วโมง จากประสบการณ์ที่ตนได้ทำงานร่วมกับคณะก้าวหน้าที่อาจสามารถมา นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ถ้าได้นักการเมืองที่มีเจตจำนง ถ้าเราสามารถทำที่อาจสามารถได้แล้วทำไมจะทำกับที่ราชบุรีไม่ได้ นี่คือความสวยงามของการเมืองท้องถิ่น ที่สามารถแก้ปัญหาคุณภาพชีวิตให้ประชาชน ใช้งบประมาณให้เป็น เอาเงินงบประมาณมาตอบสนองต่อปัญหาชีวิตของประชาชน และเมื่อเราทำที่ราชบุรีได้สำเร็จ เราก็สามารถทำให้สำเร็จที่จังหวัดอื่นได้ และอีก 2-3 ปีเราก็ทำให้สำเร็จทั่วประเทศได้
ด้านนายชัยรัตน์ กล่าวปราศรัยถึงนโยบายด้านต่างๆ เช่น ด้านการศึกษา ที่ต้องมีการอุดหนุนงบอาหารกลางวันเพิ่มขึ้น นโยบายด้านสาธารณสุข ซึ่งตนต้องการเข้าไปยกระดับคุณภาพ รพ.สต. ที่ได้รับถ่ายโอนมาแล้ว ให้สามารถให้บริการพื้นฐานได้ ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ทุกวันนี้ขยะในจ.ราชบุรีมีระบบการจัดการแบบฝังกลบ ไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ หลายครั้งมีน้ำรั่วซึมปนเปื้อนออกสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติและเข้าสู่ชุมชน นี่คือเรื่องที่ อบจ. ต้องเข้าไปเร่งแก้ไข ให้เกิดการลงทุนกำจัดขยะโดยวิธีการที่ถูกต้องโดยเร็วที่สุด เป็นต้น
ขณะที่นายพิธา ปราศรัยว่า ตนมีความมั่นใจว่าพรรคประชาชนใกล้ถึงเส้นชัยในวันที่ 1 ก.ย.นี้เข้ามาทุกทีแล้ว แต่ก็ต้องไม่ประมาท เพราะการเลือกตั้งปี 2566 แม้พรรคก้าวไกลจะมาเป็นอันดับหนึ่งในคะแนนบัญชีรายชื่อ แต่ย้อนกลับไปในการเลือก อบจ. รอบก่อนปี 2563 จำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งนับว่าน้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไปมาก นี่จึงเป็นเหตุให้ตนขอฝากตามชาวราชบุรีทั้งที่อยู่ทั่วประเทศและทั่วโลกให้กลับมาใช้สิทธิกันให้เยอะที่สุด และในการนี้ ตนขอย้ำฝากไปถึงชาวราชบุรีที่ไม่ได้เลือกพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งก่อน ขอให้ได้พิจารณาถึงนโยบายของผู้สมัครของนายชัยรัตน์ ที่มีนโยบายไม่เหมือนคู่แข่งคนไหน และแตกต่างด้วยการทำงานด้านข้อมูล การนำเทคโนโลยีมาใช้ ทำให้เกิดเป็นนโยบาย 4 ส. กว่าจะมาเป็นนโยบายแบบนี้ได้นายชัยรัตน์และทีมงานได้ร่วมกันทำงานอย่างมีระบบ ด้วยข้อมูล และมีความเป็นวิทยาศาสตร์ นี่คือความแตกต่างของการทำงานแบบพรรคประชาชน