เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ ลานสโมสรอินทนนท์ ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้เดินทางมาแถลงข่าวผลการกวาดล้างยาเสพติดลอตใหญ่ 3 คดี รวมยาบ้าทั้งหมด 13,980,000 เม็ด โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร, พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5, พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผบก.ภ.จว.ลำปาง และ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกคครอง เข้าร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้
การจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญของตำรวจภูธรภาค 5 ในครั้งนี้ มีผลมาจากการติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดของ นายป๋อลี หรือนายบุญชัย แซ่มัว ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายม้งในพื้นที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา, อ.เทิง และ อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เป็นแหล่งพื้นที่พักยาเสพติด เพื่อรอการลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการดำเนินการใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีในการสืบสวน และระดมสรรพกำลังในการปฏิบัติ รวมถึงการประสานงานในรูปแบบการทำงานร่วมกันเป็นทีมงาน ระหว่างกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรจังหวัด ทั้ง 8 แห่งในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 รวมถึงการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงาน ณ ด่านตรวจ/จุดตรวจยาเสพติด โดยมีการนำระบบเทคโนโลยี AI และกล้องที่ติดตั้ง ในจุดต่างๆ มาร่วมในการวิเคราะห์ ติดตามเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด
คดีที่ 1 ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยจะใช้รถยนต์ในการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และได้สั่งการให้ทำการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 13 ส.ค. 67 พบรถยนต์คันที่กำหนดไว้เป็นเป้าหมายการสืบสวน 3 คัน ได้ขับออกจากพื้นที่ จ.เชียงราย จึงได้เฝ้าติดตามโดยแบ่งหน้าที่ในการติดตามสะกดรอย 3 ชุด ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. 67 เวลาประมาณ 23.54 น. รถยนต์เป้าหมาย รถนำคันที่ 1 ขับมาถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกเพื่อขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้ปล่อยรถยนต์คันดังกล่าวไป ต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามรถยนต์อีก 2 คัน แจ้งว่ารถยนต์ทั้ง 2 คัน กลับรถที่จุดกลับรถ บ้านท่าชุม ก่อนถึงด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ประมาณ 3 กม. จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 2 คัน พบเป็นรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว จอดทิ้งไว้ที่บริเวณป่าข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม หมู่ 2 ต.พระบาทวังตวง ส่วนคนขับได้หลบหนีไป จึงทำการตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบกระสอบยาเสพติด(ยาบ้า) ซุกซ่อนอยู่ในแคป และท้ายกระบะ และรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา รถนำคันที่ 2 บริเวณข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม หมู่ 2 ต.พระบาทวังตวง จอดห่างกันประมาณ 1 กม. จึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามรถนำคันที่ 1 จนสามารถจับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจแม่สลิด ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก จว.ตาก จากนั้นได้นำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมรถยนต์ของกลางทั้ง 3 คัน มาตรวจสอบโดยละเอียดที่ด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) 25 กระสอบ รวมยาบ้า 5,000,000 เม็ด จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 เจ้าหน้าตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานในผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และได้รับสั่งการให้ติดตามสืบสวนหาข่าว จนกระทั่ง เวลาประมาณ 04.00 น. ของวันเดียวกัน พบรถกระบะสี่ประตูมีโครงหลังคา ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน งย 4193 เชียงใหม่ ซึ่งมีลักษณะตรงกันกับที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ขับมาตามถนนสายหลังอำเภอ หมู่ 2 ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปทาง อ.เทิง จ.เชียงราย จึงได้ร่วมกันติดตามและสกัดกั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้พบ นายวีรพล เป็นผู้ขับขี่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) 17 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสาร และพบยาบ้า 18 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในหลังกระบะ รวมทั้งหมด 35 กระสอบ รวมยาบ้าประมาณ 8,750,000 เม็ด จากนั้นจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงของ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 เวลาประมาณ 19.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการตรวจยึดยาเสพติที่ซุกช่อนอยู่ในพัสดุ ณ ศูนย์กระจายสินค้า Flash Express ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ – ลำปาง ต.ไชยสถาน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ 120,000 เม็ด ได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจากการตรวจสอบทราบว่ายังมีพัสดุหมายเลข TH650160022510 ที่มีผู้ส่งเป็นบุคคลคนเดียวกัน คือนายนิพนธ์ ที่อยู่ ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้ถูกส่งไปยังปลายทางผู้รับชื่อนายฮาริส ที่อยู่ ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ จว.กระบี่ เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบพัสดุหมายเลขดังกล่าว อยู่ที่โกดัง Flash Express สาขาสันทราย จึงได้แจ้งแก่พนักงาน และขอทำการตรวจสอบผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) 110,000 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.กฤตธาพล กล่าวว่า การกวาดล้างจับกุมยาเสพติดรายแรกจาก อ.พริก จ.ลำปาง 5 ล้านเม็ด จากการทำงานของกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ภูธรจังหวัดเชียงราย ภูธรจังหวัดลำปาง ก็ได้ติดตามพฤติกรรมในการขนส่งยาเสพติดยาบ้า ตามเส้นทาง เชียงราย – พะเยา – ลำปาง ก็ได้ติดตามมา มีรถจำนวน 3 คัน ซึ่งได้ถึงด่าน อ.แม่พริก จ.ลำปาง ซึ่งรถคันแรกไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนสองคันที่เหลือมีลักษณะพิรุธด้วยการเลี้ยวกลับรถแล้วจอดรถก่อนจะวิ่งหลบหนี ค้นในรถก็พบยาบ้า 5 ล้านเม็ด และติดตามไปจับกุมคนขับรถนำได้ที่ จ.ตาก 2 คน ขณะนี้ก็อยู่ในระหว่างการขยายผล
ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ติดตามมาตลอดเป็นเครือข่ายของกลุ่ม “ม้ง ป๋อลี” ที่อยู่ประเทศลาว โดยให้มือขนชื่อนายวีรชัย แซ่ย่าง เป็นชาวเขาเผ่าม้ง ซึ่งตัวนายวีรชัย ได้กระทำความผิดก่อนหน้านี้มาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ซึ่งได้หลบหนีไป ยึดยาเสพติดได้ 6 ล้านเม็ด ครั้งที่สองขนไปถึง จ.อยุธยา ก็ได้ทำการจับกุมและขยายผลจับกุมได้จำนวน 5 ล้านเม็ด และครั้งที่สาม ที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา ยาเสพติดยาบ้า 8 ล้านเม็ด ก็หลบหนีไปได้
พล.ต.ต.วรพงศ์ กล่าวว่า จะทำการสืบสวนจับกุมเครือข่ายไปเรื่อยๆ มีสองกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กัน มีความต่อเนื่องกัน เป็นข้อมูลจากการสอบสวนผู้ต้องหาที่ทำการจับกุม โดยจะบูรณาทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นทหาร ปปส. ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น บช.ปส. โดยเฉพาะกองสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จะเป็นศูนย์กลางในการประสานข้อมูลการข่าวและเทคโนโลยีที่ใช้ในการสืบสวนจับกุม.