นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้มีประชาชนแจ้งเข้ามายัง สำนักงาน กสทช. ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีบริษัทที่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่งจาก กสทช. ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ไม่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง โฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อชักชวนประชาชน กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า และข้าราชการเกษียณอายุ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชันไลน์ ให้ร่วมลงทุนในลักษณะธุรกิจเครือข่ายเป็นตัวแทนจำหน่ายตู้เติมเงิน โดยเสนอกำไรและเงินปันผล รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ และอ้างว่าเป็นผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ประชาชนเข้าใจว่าการลงทุนดังกล่าวสามารถทำได้อย่างที่ถูกต้องตามกฎหมาย

“ขอเตือนประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด อย่าหลงเชื่อการชักชวนลงทุนในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากเงื่อนไขการอนุญาต ให้ประกอบกิจการโทรคมนาคมได้กำหนดลักษณะต้องห้ามกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบกิจการมอบผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ใช้บริการในลักษณะของธุรกิจเครือข่าย หรือแสวงหาประโยชน์อื่นใดที่นอกเหนือจากการให้บริการโทรคมนาคมตามที่ได้รับอนุญาต ซึ่งการโฆษณาดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไข ซึ่งขณะนี้สำนักงาน กสทช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างตรวจสอบ บริษัทที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดดังกล่าวจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด”

นายไตรรัตน์ กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบการโฆษณาชักชวนลงทุนดังกล่าว บริษัทใช้วิธีการส่งข้อความผ่านกลุ่มไลน์ หรือการอบรมออนไลน์ ชักชวนให้เป็นตัวแทนจำหน่ายตู้เติมเงิน โดยต้องลงทุนค่าตู้เติมเงินมือถือตู้ละ 40,000-50,000 บาท และจะมีเงินปันผลให้วันละ 240 บาท เป็นเวลาต่อเนื่อง 500 วัน รวมเงินได้ทั้งสิ้น 120,000 บาท คิดเป็นผลตอบแทน จำนวน 80,000 บาท และหากลงทุนตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนศูนย์บริการ พร้อมเสนอรายได้และสวัสดิการต่างๆ หรือสำหรับผู้ใช้บริการซิมมือถือของบริษัท หากเติมเงินมือถือจะได้รับเงินตอบแทนอีก 2 เท่าของเงินที่เติม และหากเติมเงินติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน จะได้รับเงินกองทุนสงเคราะห์ โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ ซึ่งถือเป็นลักษณะของธุรกิจเครือข่าย หรือแสวงหาประโยชน์อื่นใดที่นอกเหนือจากการให้บริการโทรคมนาคมตามที่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขตามที่ กสทช. กำหนด

“ตอนนี้มีการชักจูงให้คนลงทุนตู้เติมเงิน ให้ลงทุนซิม ในรูปแบบธุรกิจเครือข่าย และเอาไปอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ผมขอยืนยันว่าบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตไม่สามารถทำธุรกิจเครือข่ายหรือขายตรงได้ เพราะผิดเงื่อนไขใบอนุญาต ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อการดำเนินธุรกิจ ตอนนี้สำนักงาน กสทช. อยู่ระหว่างตรวจสอบ ผมไม่อยากให้ประชาชนหลงเชื่อการเอาตู้เติมเงิน หรือลงทุนในซิมการ์ด หรืออะไรก็แล้วแต่ในธุรกิจโทรคมนาคมเมื่อลงทุนแล้วจะได้เงินคืน ขอให้พิจารณาให้รอบคอบก่อนลงทุนเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต” นายไตรรัตน์ กล่าว