สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ว่า บริษัทเมอร์ค หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยาของสหรัฐ และพันธมิตร คือบริษัทริดจ์แบค ไบโอเทอราพิวติกส์ ร่วมกันยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการอาหารและยา ( เอฟดีเอ ) เพื่อขอรับการพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้กับยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยาเม็ดที่เมอร์คพัฒนาและผลิตเอง มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นเหตุของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ หากได้รับการอนุมัติจากเอฟดีเอ โมลนูพิราเวียร์จะเป็นยาแบบรับประทานเพื่อรักษาโรคโควิด-19 โดยตรงรายการแรกที่มีการใช้งานในสหรัฐ เนื่องจากยาที่รับรองไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นแบบฉีดเข้าสู่กระแสเลือด
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเมอร์คเกิดขึ้น หลังเมื่อต้นเดือนนี้ได้เผยแพร่ผลการทดสอบเบื้องต้น เกี่ยวกับประสิทธิภาพทางคลินิกขั้นที่ 3 ของยาโมลนูพิราเวียร์ โดยใช้อาสาสมัคร 775 คน ปรากฏว่า มีเพียง 7.3% ของกลุ่มที่รับประทานยาโมลนูพิราเวียร์วันละสองครั้ง ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากโรคโควิด-19 และไม่มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 29 วันของการทดลอง อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มผู้ที่ได้รับยาหลอก มี 14.1% ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และมีผู้เสียชีวิต 8 ราย
อนึ่ง เมอร์คและพันธมิตรมีแผนผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ 10 ล้านชุด ภายในสิ้นปีนี้ โดยหนึ่งในลูกค้าสำคัญรายแรกคือรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโจ ไบเดน สั่งซื้อแล้ว 1.7 ล้านชุด ในราคาชุดละ 700 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 23,709 บาท ) พร้อมสิทธิในการซื้อเพิ่มเติมได้อีก 3.5 ล้านชุด โดยการรักษาด้วยยาโมลนูพิราเวียร์ 1 ชุด ใช้ 40 เม็ด แบ่งรับประทานต่อเนื่อง 5 วัน วันละ 8 เม็ด แบ่งรับประทาน 2 ครั้ง ครั้งละ 4 เม็ด.

เครดิตภาพ : AP