รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. ครั้งที่ 15/2567 ในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ได้มีวาระพิจารณาเรื่อง การขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)  หลังจากที่ได้มีการพิจารณาในการประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ที่ประชุมบอร์ด ยังไม่ได้ข้อยุติ และมีการถกกันอย่างดุเดือดในที่ประชุม

ทั้งนี้ในการขอรับการสนับสนุนเงินการถ่ายทอดสดครั้งนี้ ในช่วงแรก กกท. ได้ขอรับการสนับสนุนในครั้งแรก 800 ล้านบาท  ต่อมาได้ลดวงเงินเหลือ 435 ล้านบาท  ทำให้บอร์ดบางคนมีความสงสัยถึงวงเงินที่ลดลง ซึ่งทาง กกท. ได้ชี้แจงว่า จากการเจรจากับเอกชนในหลายภาคส่วนรวมถึงช่องทีวีเห็นว่าจะสามารถออกเงินได้ส่วนหนึ่ง และขอให้ภาครัฐสนับสนุนเหลือวงเงิน  435 ล้านบาท  เนื่องจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ของ กกท.ขาดสภาพคล่อง มีงบประมาณไม่เพียงพอ

แหล่งข่าว จาก กสทช. กล่าวว่า  ในการขอรับการสนับสนุนเงินถ่ายทอดสดครั้งนี้ ทาง กกท. ยังให้ข้อมูลที่ยังไม่ครบถ้วน และมีข่าวว่า มีเอกชนไปได้ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้ว แต่ทำไมถึงมาขอเงินสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กองทุน กทปส.) อีก  ซี่งเอกชนที่ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้ว ควรจะนำสิทธิไปบริหารด้านการตลาดจัดหารายได้เอง แต่ก็ต้องดำเนินการตามกฎ มัสต์แฮฟ ที่ต้องนำมาถ่ายทอดสดออกฟรีทีวีด้วย เนื่องจาก โอลิมปิก เป็นประเภทกีฬาที่ถูกกำหนดให้อยู่ในกฎ มัสต์แฮฟ นอกจากนี้ การขอรับเงินสนับสนุนให้ครั้งนี้ แตกต่างจากโอลิมปิกครั้งก่อนๆ ที่มีมติคณะรัฐมนตรี ออกมารองรับ ทำให้บอร์ด กสทช.ชุดก่อนลงมติให้งบสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม การขอรับการสนับสนุนครั้งนี้ ทาง  ครม. เพียงรับทราบการดำเนินการขอรับเงินสนับสนุนของ กกท.จากกองทุน กทปส. แต่ไม่ได้มีมติเห็นชอบ ทำให้บอร์ด กสทช. ส่วนใหญ่เกรงว่า หากอนุมัติเงินสนับสนุนอาจจะเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายที่เอาเงินกองทุนฯ ไปให้เอกชน จึงมีความเป็นไปได้ว่าในการประชุมบอร์ดในวันที่ 17 ก.ค.นี้ หากมีการลงมติของ กสทช.เสียงส่วนใหญ่จะลงมติไม่เห็นชอบที่จะมอบเงินสนันสนุนตามที่ กกท.ขอมา

“การแข่งขันโอลิมปิก เป็นกีฬาที่รู้ว่าจะมีการจัดแข่งขันล่วงหน้าเป็นเวลาหลายปี กกท.น่าจะมีการเตรียมพร้อมล่วงหน้าในการหาเงินมาซื้อลิขสิทธิ์ หากต้องดำเนินการเอง และเมื่อทาง กสทช. ถามเรื่องราคาค่าลิขสิทธิ์ในการซื้อวงเงินเท่าไรก็ไม่ได้รับข้อมูล ซึ่งตามกฎของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ก็มีข้อกำหนดให้ผู้ที่ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ต้องนำคอนเทนต์มาออกทางฟรีทีวีอยู่แล้วไม่น้อยกว่า 200 ชั่วโมง นอกจากนี้ได้มีการสอบถาม ว่ามีเอกชนได้ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้วหรือไม่ ก็ไม่มีข้อมูลให้ แต่เท่าที่ทราบตอนนี้เอกชนที่ได้ลิขสิทธิ์ ได้มีการขายสิทธิในการออกอากาศให้กับ  2 ค่ายมือถือ เพื่อนำไปออกอากาศในกล่อง IPTV ของตน ซึ่งทั้ง 2 ค่ายมือถือ ได้ทำหนังสือขออนุญาตมาที่สำนักงาน กสทช.แล้วเพื่อขออนุญาตออกอากาศ”  แหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทาง สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ได้ยื่นหนังสือถึง นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. กรรมการ กสทช. และเลขาธิการ กสทช. เรียกร้องว่า หาก กสทช. โดย กองทุน กทปส. จะนำเงิน 435 ล้านบาทสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อสิทธิการถ่ายทอดสดถ่ายทอดสดกีพาโอลิมปิก-พาราลิมปิก 2024 นั้นตามที่มีข่าวออกมานั้น

ทั้งนี้ขอให้ กสทช. โปรดพิจารณาและทบทวน เพื่อหาแนวทางในการสร้างบรรทัดฐานและความเข้าใจอันดีหรือจัดสรรสิทธิการถ่ายทอดให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม หากมีการนำเงินจากกองทุน กทปส. มาสนับสนุน เนื่องจากแหล่งที่มารายได้ของกองทุน กทปส. มาจากค่าธรรมเนียม และค่าปรับของผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจาก กสทช. เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เหมือนการบริหารสิทธิการถ่ายทอดฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา