การเปิดเผยตัวตนเรื่องรสนิยมทางเพศเป็นเรื่องที่เปิดกว้างและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น นำไปสู่ความหลากหลายทางเพศที่ไม่ได้จำกัดแค่เพศหญิงและเพศชาย โดยที่ผ่านมา SX TALK SERIES ครั้งที่ 4 เปิดเวทีชวนแลกเปลี่ยนมุมมองในหัวข้อ HEALTHY PRIDE “หลากหลายอย่างมีสุข” เข้าใจทุกมิติความหลากหลายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยร่วมเสวนา

รศ.นพ.กระเษียร ปัญญาคำเลิศ คลินิกสุขภาพเพศครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า คลินิกสุขภาพเพศ หรือ Gender Health Clinicของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยเปิดให้บริการมานับแต่ปี 2561เพื่อยกระดับการบริการสุขภาพทางเพศครบวงจรอย่างเท่าเทียม ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยทีมแพทย์สหสาขาซึ่งเป็นไปตาม The World Professional Association for Transgender Health (WPATH) ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกกำหนดว่าภายในปี2030 ผู้คนทั่วโลกกำลังดำเนินการไปสู่เป้าหมายโลกที่สะท้อนความยุติธรรมสากลสู่ความเสมอภาคด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน บนความหลากหลายทางเพศ โดยจะไม่มีใครต้องเผชิญกับภาวะสุขกายและจิตอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป หากสนใจสามารถเข้ารับบริการที่คลินิกสุขภาพเพศ หรือที่โครงการของกรุงเทพมหานคร BKK Pride Clinic คลินิกสุขภาพเพศหลากหลายซึ่งมีอยู่ 20 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร

ทางด้าน อ.นพ.ธนภพ บำเพ็ญเกียรติกุล คลินิกสุขภาพเพศครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยกล่าวอีกว่า จากข้อมูลในอดีตพบว่าการบำบัดแก้เพศวิถีหรือ Conversion Therapy การเปลี่ยนรสนิยม หรืออัตลักษณ์บุคคลให้ตรงกับร่างกายไม่ประสบความสำเร็จ ทำไปแล้วยิ่งสร้างความเครียด ปัจจุบันจึงมีแนวคิด Gender affirming care เปลี่ยนร่างกายให้ตรงกับจิตใจและพบว่าหลังจากทำมาระยะหนึ่งกลุ่มคนเพศหลากหลายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประสบความสำเร็จในชีวิตมากขึ้น แต่ทุกคนไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการทุกขั้นตอนเพื่อเป็นคนข้ามเพศที่สมบูรณ์ ทุกคนครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว กระบวนการจากแพทย์คือการทำให้เราได้เป็นเราในเวอร์ชั่นที่เราพอใจและเหมาะสม การเปลี่ยนแปลงมีหลายวิธี ทั้งทางภายนอกและภายใน ต้องทำอย่างถูกวิธีเพื่อไม่เกิดผลเสียกับร่างกายจึงต้องมีการปรึกษากับแพทย์

ผศ.นพ.อัมรินทร์ สุวรรณ คลินิกสุขภาพเพศครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวถึง หลายคนอาจไปซื้อยาคุมกำเนิดตามร้านขายยามาใช้ เพราะมีความเชื่อในการช่วยปรับฮอร์โมนเรื่องเพศ ซึ่งจริงๆ ไม่ควรใช้ในการข้ามเพศ เพราะมีความเสี่ยงในการเป็นหลอดเลือดอุดตันถึง 20 เท่า ควรใช้ฮอร์โมน natural estrogen คือฮอร์โมนที่เกิดจากธรรมชาติดีที่สุด และสิ่งสำคัญก่อนการใช้ฮอร์โมนแนะนำควรเก็บเซลล์สืบพันธุ์ไว้ก่อนทุกกรณี เพราะถ้าใช้ฮอร์โมนแล้วจะส่งผลเสียต่อเซลล์สืบพันธุ์ และถ้าเป็นในกลุ่มเด็กจะไม่ใช้ฮอร์โมน แต่ใช้การดูแลและความเข้าใจจากครอบครัว โรงเรียน ถ้าในกลุ่มวัยรุ่นจะเริ่มใช้ยาฉีด เพื่อไปกดการพัฒนาของหน้าอกและอัณฑะ สำหรับวัยผู้ใหญ่ต้องดูว่าร่างกายเรามีข้อห้ามหรือไม่ เช่น เป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็งบางอย่างจะไม่สามารถใช้ฮอร์โมนได้ ซึ่งทุกคนไม่จำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนหรือผ่าตัด ทุกคนสามารถเป็น Transgender ได้ซึ่งสามารถเข้าไปปรึกษาได้ที่คลินิกสุขภาพเพศเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมกับตนเอง

ขณะที่ ผศ.พญ.พูนพิศมัย สุวะโจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวอีกว่า การผ่าตัดแปลงเพศในประเทศไทยเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2518 สำหรับการเตรียมตัวผ่าตัดในส่วนอวัยวะเพศต้องได้รับฮอร์โมนอย่างน้อย 6 เดือน และต้องใช้ชีวิตแบบที่ต้องการจะเป็นตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือนติดต่อกันเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าหากผ่าตัดแล้วจะไม่รู้สึกเปลี่ยนใจ เสียใจในภายหลัง เพราะไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาได้ การดูแลก่อนผ่าตัดต้องหยุดการใช้ฮอร์โมน เพราะการผ่าตัดใช้เวลานานอาจมีภาวะหลอดเลือดอุดตันได้ หยุดสูบบุหรี่ การจะผ่าตัดยืนยันเพศสภาพต้องมีความพร้อมเพราะเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะอวัยวะเพศที่ไม่สามารถเปลี่ยนกลับได้ การผ่าตัดนี้พบว่าคนไข้มีความสุขเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความเข้าใจโรค การผ่าตัด การดูแลตนเองเป็นการเตรียมพร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัดที่ดีทำให้สามารถผ่านการยืนยันเพศสภาพและการผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย