กรณีพบร่างของ นางสาวเขมฤทัย เชื้อคำฮด หรือแอ๋ม อายุ 30 ปี อดีตแม่บ้านทำความสะอาดรัฐสภา ถูกอาวุธมีดปลายแหลม (ซามูไร) ยาว 58 ซม. แทงเข้าที่บริเวณกลางหน้าอก 1 แผล นอนเสียชีวิต ในสภาพศพอืดบวม อยู่ภายในห้องพักที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. เบื้องต้นแพทย์ระบุว่า เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน และพบว่า มีดีเอ็นเอติดอยู่ที่อาวุธมีดของกลาง ต่อมาศาลออกหมายจับ นายสุนัย ทาแน่น อายุ 24 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นแฟนของผู้ตาย ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ 404/2567 ลงวันที่ 9 ก.ค. 67 ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” โดยพลทหารสุนัย ปัจจุบันเป็นทหารกองประจำการ ผลัดที่ 2/64 สังกัด ม.3 พัน.18 และปฏิบัติราชการสนามชายแดน จ.เชียงราย ถูกตำรวจติดตามไปควบคุมตัวมาที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้ (9 ก.ค.)

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่ สน.สามเสน นางสาวดาริกา เชื้อคำฮด อายุ 29 ปี น้องสาวของผู้เสียชีวิต เดินทางมาติดต่อขอรับเอกสารกับทางพนักงานสอบสวน เพื่อไปรับศพนางสาวเขมฤทัย พี่สาวที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล

โดยนางสาวดาริกา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หลังรู้ว่าแฟนหนุ่มของพี่สาวเป็นคนร้ายฆ่าพี่สาว ก็รู้สึกตกใจ เพราะตลอดระยะเวลาที่เขาคบหากับพี่สาว 7-8 เดือน ก็เห็นเขารักกัน ดูแลกันดี เหมือนคู่รักตามปกติทั่วไป ไม่คิดว่าเขาจะโหดร้าย ทำรุนแรงกับพี่สาวเราได้ถึงขนาดนี้ จะไม่ให้อภัยคนร้าย และยอมรับว่าโกรธมาก พร้อมทั้งอยากถามเขาว่า “ทำไมถึงทำกับพี่สาวเราแบบนี้ ถ้าไม่เข้าใจอะไรกัน ทำไมถึงไม่พูดคุยกันดีๆ หรือถ้าสุดท้ายแล้วชีวิตคู่ไปด้วยกันไม่ได้ ทำไมถึงไม่แยกย้ายกันใช้ชีวิตดีกว่า ถ้าผู้หญิงเขาไม่เลือกเรา ทำไมถึงไม่ปล่อยเขาไป  ส่วนตัวรู้สึกแย่ อยากรู้เหตุจูงใจของฝ่ายชาย ทำไมถึงทำแบบนี้”

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่สาวไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวอะไรให้เธอฟัง เธอจึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก ครั้งล่าสุดที่เจอกับฝ่ายชาย และพี่สาว ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอกัน คือ ช่วงเทศกาลลอยกระทงปีที่แล้ว เคยไปเที่ยวด้วยกัน เท่าที่ดูผิวเผินเขาก็ดูรักพี่สาวเราดี ไม่มีท่าทางดูโมโหร้ายอะไร  ส่วนที่น่าเป็นห่วงตอนนี้ คือสภาพจิตใจของคนทางบ้านแย่มาก โดยเฉพาะแม่ พอรู้ข่าวก็เป็นลมไปเลย ซึ่งเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา พี่สาวเพิ่งจะโทรฯ ไปหาแม่ว่าจะกลับบ้าน แต่ไม่คิดว่าการกลับบ้านของพี่สาวจะกลับไปแบบนี้ ส่วนพี่สาวมีลูก 2 คน พอต้องสูญเสียกะทันหัน หลังจากนี้ก็ต้องช่วยกันดูแลกันต่อไป โดยยืนยันว่าทางคดีก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ ผกก.สน.สามเสน กล่าวว่า  หลังจากแจ้งข้อกล่าวหานายสุนัยให้รับทราบตามหมายจับแล้ว ได้ซักถามปากคำ เบื้องต้นนายสุนัย ให้การรับสารภาพ เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยอ้างว่าที่ลงมือก่อเหตุไป เพราะความหึงหวง จึงเกิดการบันดาลโทสะ และใช้มีดแทงนางสาวเขมฤทัย เสียชีวิต โดยมีดอยู่ภายในห้องอยู่แล้ว

ส่วนรายละเอียดทั้งหมด จะต้องนำตัวมาสอบปากคำอีกครั้ง โดยการสอบปากคำจะต้องมีนายทหารพระธรรมนูญ ร่วมสอบปากคำด้วยตามสิทธิของผู้ต้องหาด้วย เบื้องต้นขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาเดินทางกลับมาที่ สน.สามเสน เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทราบเวลาแน่ชัดว่าจะมาถึง สน.เวลาใด

ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ตึกภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.วชิรพยาบาล นางสาวดาริกา พร้อมด้วยญาติ ๆ และเพื่อนร่วมงาน เดินทางเข้ารับร่างนางสาวเขมฤทัย ผู้เสียชีวิต เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนา ณ วัดบ้านโพนไฮ ตำบลหนองแคน อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ขณะที่บรรยากาศน้องสาวได้จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง เพื่อเรียกวิญญาณพี่สาวกลับบ้าน ท่ามกลางความโศกเศร้า

ด้าน นางจุ้ม (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี เพื่อนร่วมงานของผู้ตาย เปิดเผยว่า นางสาวเขมฤทัย  มาทำงานเป็นแม่บ้านที่รัฐสภาได้ประมาณสองปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตนเองก็รู้ว่าน้องแอ๋มมีการพูดคุยและคบหากับนายสุนัย (คนก่อเหตุ) ที่เป็นทหาร เนื่องจากตนเองมักจะเห็นน้องมีการวิดีโอคอลคุยกับนายสุนัยบ่อยครั้ง ราวๆ ประมาณ 8-9 เดือน ที่ตนเองรู้ว่าทั้งคู่คบหาเป็นแฟนกัน และทางฝ่ายชายก็มาหาน้องแอ๋มที่ห้องอยู่บ่อยครั้ง จากที่แอ๋มเคยเล่าให้ฟังมา คือนายสุนัยค่อนข้างเป็นคนที่หึงหวงหนักมาก ถึงขั้นต้องมีการเชื่อมแอคเคานท์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กและไลน์ ไว้ในโทรศัพท์ของนายสุนัยเอง เพราะคิดไปเองว่าน้องแอ๋มจะไปคุยกับผู้ชายคนอื่น

จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา น้องแอ๋มได้มาบอกกับตนว่า จะลาออก โดยเหตุผลที่จะลาออกนั้น เนื่องจากแม่ของแอ๋มจะไปทำงานต่างจังหวัด และไม่มีใครดูแลลูกของแอ๋มทั้งสองคน และจะกลับบ้านไปดูแลลูก ถ้าทุกอย่างลงตัว แอ๋มก็บอกว่าจะกลับมาทำงานที่นี่อีก ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับทางแฟนหนุ่มที่ทำให้แอ๋มต้องลาออก โดยวันสุดท้ายที่เพื่อนที่ทำงานทุกคนเห็นแอ๋มก็คือวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่แอ๋มได้มาทำงาน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อหาแอ๋มอีกเลย

จนกระทั่งมาวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีแชตไลน์ของแอ๋มทักมาหาเพื่อนที่ทำงานว่า “แอมจะไม่อยู่นะ แอ๋มจะเข้าป่า โทรศัพท์จะเอาไว้กับผัว จะติดต่อแอ๋มไม่ได้” ซึ่งพอเพื่อนทุกคนรู้เรื่องนี้ก็ไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากทั้งเฟซบุ๊ก และไลน์ของแอ๋ม ทางด้านนายสุนัยมีการเชื่อมเข้าโทรศัพท์ตัวเองไว้ จึงคิดว่าน่าจะเป็นนายสุนัยที่ทักมาหาเพื่อนแบบนี้ ส่วนเหตุผลที่ต้องมาฆ่าแอ๋ม ตนเองคาดว่า น่าจะมาจากเรื่องหึงหวง ซึ่งตนเองเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าถ้าคนรักกันเค้าจะไม่มีทางฆ่ากันแบบนี้ ตนเองขอเป็นอีกเสียงหนึ่งที่ยืนยันว่าระหว่างที่แอ๋มคบหากันอยู่ในแอ๋มนั้นไม่เคยคุยกับผู้ชายคนอื่น

นางสาวดาริกา  กล่าวว่า  วันนี้หลังจากที่เห็นหน้าของพี่สาวก็ได้มีการบอกว่าให้กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน และมีการแจ้งว่าจับคนร้ายได้แล้ว แม้ว่าตนเองจะยังไม่เห็นหน้าคนร้ายก็ตาม ทั้งนี้อยากฝากขอบคุณทางผู้สื่อข่าวที่ช่วยนำเสนอข่าวจนเจ้าหน้าที่สามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เร่งดำเนินการจนสามารถจับคนร้ายได้ และขอขอบคุณผู้ใจบุญที่สนับสนุนช่วยเป็นค่าเดินทางในการเคลื่อนย้ายร่างของพี่สาวกลับไปยังภูมิลำเนาบ้านเกิด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นแพทย์ระบุในใบมรณบัตรว่า หัวใจฉีกขาดจากบาดแผลถูกแทงบริเวณหน้าอก ทั้งนี้ทางครอบครัวจะมีการจัดพิธีสวดอภิธรรม เป็นเวลา 1 วัน ก่อนจะฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ค.)