เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายภณณัฏฐ์ ศรีอินทร์สุทธิ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่เตรียมประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางออกจากบ้านและไปในสถานที่เสี่ยง โดยลดการเคลื่อนที่ของประชาชน โดยขอให้เวิร์กฟรอมโฮม ยกเว้นงานบริการที่จำเป็น และงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค ขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้น ซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาล และฉีดวัคซีน จะมีผลเฉพาะสำหรับพื้นที่เสี่ยง คือ กทม. และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน โดยมาตรการและข้อกำหนดที่ออกมาจะคล้ายกับเมื่อเดือน เม.ย. 64 การอ้างว่า เพื่อหยุดการระบาดนั้นเป็นการพูดให้ดูดีเท่านั้น ก่อนหน้านี้รัฐปิดแคมป์คนงาน ก็ส่งผลให้เชื้อไวรัสกระจายไปทุกพื้นที่ของประเทศแล้ว การแก้ปัญหาของรัฐเหมือนวัวหายแล้วแต่ไม่ล้อมคอก สร้างผลกระทบและความลำบากให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงเดือน เม.ย. 63 การล็อกดาวน์ ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศหยุดชะงัก ผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดกิจการ และคนตกงานเป็นจำนวนมาก ร้านค้ารายย่อยต้องประสบปัญหาด้านเงินทุน เพราะขายของไม่ได้ แต่การเยียวยาของรัฐกลับล่าช้า และออกมาแบบมีเงื่อนไขมากมาย ผู้ประกอบการหลายคนเข้าไม่ถึงแหล่งทุน ดังนั้นที่ผ่านมาจึงพบว่าประชาชนหลายคนฆ่าตัวตายเพราะไร้ทางออก
นายภณณัฏฐ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ยอมรับว่ามีโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นถึง 10,000 คนต่อวัน สะท้อนการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไร้ประสิทธิภาพ และไม่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการ พล.อ.ประยุทธ์ หมดปัญญาแก้ปัญหาแล้ว ทำวิกฤติให้กลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของประเทศ หากใช้มาตรการล็อกดาวน์แล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พล.อ.ประยุทธ์ จะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไร การเยียวยาจะเป็นเช่นไร รัฐบาลต้องชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เพราะประชาชนเดือดร้อนจากมาตรการรัฐ ดังนั้นการทอดทิ้งประชาชนของรัฐบาลจึงเป็นการทำลายชีวิตประชาชน.