เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 67 นายมงคล แดงกัน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา แจ้งว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่หน้าอ่าวตะโละวาว เจ้าหน้าที่พบ “โลมาหลังโหนก” ว่ายน้ำอวดโฉมโชว์เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ ตต.1 (อ่าวตะโละวาว) รวมกว่า 20 ตัว เจ้าหน้าที่จึงบันทึกภาพเอาไว้ได้ โดยบริเวณดังกล่าว มีธรรมชาติที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ท้องทะเลอันดามัน  

สำหรับ โลมาหลังโหนก หรือ โลมาสีชมพู หรือ โลมาเผือก เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2535 โดยพบว่า ขนาดตัวผู้มีความยาว 2.8 เมตร ตัวเมียความยาว 2.6 เมตร มีน้ำหนัก 280 กก. สำหรับลูกแรกเกิดมีความยาว 1 เมตร รูปร่างหัวกลมมน ปากยาวเรียว ทั้งนี้มีลักษณะเด่น ก็คือ ส่วนหลังโหนกเป็นแนวยาว 1 ใน 3 ของความยาวลำตัว ลำตัวมีสีต่างกันมากตามอายุ

วัยเด็กจะมีสีเทาดำ และมีการจางลง เมื่อเจริญโตขึ้น ตัวเต็มวัยบางตัวมีสีเทาประขาว เมื่ออายุมากขึ้นจะมีสีออกขาวเผือก หรือ ชมพู มีฟัน 28-38 คู่ บนขากรรไกรบนและล่าง (เฉลี่ย 33-35 คู่) ครีบหลังสั้น เล็ก ที่เด่นชัดก็คือ ส่วนของฐานครีบเป็นสันโหนกรับกับครีบหลัง สำหรับตัวเมีย เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เมื่ออายุ 9-10 ปี และตัวผู้อายุ 11-13 ปี ผสมพันธุ์ตลอดทั้งปี

ตั้งท้องนาน 10-12 เดือน และหย่านมเมื่ออายุ 2 ปี มีอายุยืนมากกว่า 40 ปี พฤติกรรมชอบรวมกลุ่ม ตั้งแต่ 10-40 ตัว และมักว่ายน้ำช้าๆ เมื่ออยู่ใกล้ชายฝั่ง มีการกินปลาและปลาหมึกหลายชนิดตามชายฝั่ง และแนวปะการัง อาศัยตามชายฝั่งแม่น้ำ ปากแม่น้ำ และป่าชายเลนในเขตร้อน มีการแพร่กระจายตั้งแต่ตอนใต้ของจีน อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย มหาสมุทรอินเดีย และตอนใต้ของแอฟริกา ในประเทศไทย พบในธรรมชาติ เช่น จ.ตราด, ระยอง, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, กระบี่ และตรัง.