เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 67 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) และ แฟรงค์ เด เรเดลิจ์คีด หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมพิเศษและเอนเตอร์เทนเมนต์ ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ร่วมกันแถลงข่าวความพร้อมการจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ “ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74”​ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 พ.ค.นี้

นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการจัดงาน ที่จะมีสมาชิกฟีฟ่ากว่า 211 ประเทศ และนักฟุตบอลระดับตำนานมาร่วมกิจกรรมต่างๆ มีผู้ร่วมเดินทางเข้าประเทศไทยมากกว่า 3,000 คน รวมถึงถ่ายทอดสดไปทั่วโลก เป็นโอกาสดีที่จะประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในด้านต่างๆ ทั้ง ท่องเที่ยว, วัฒนธรรม, ประเพณี เป็นการเน้นย้ำนโยบายด้านซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยเป็นอย่างดี

ด้าน “มาดามแป้ง” กล่าวว่า เป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยเพราะเป็นชาติแรกในอาเซียนและชาติที่ 5 ในเอเชียที่ได้จัดงานใหญ่แบบนี้ ต้องย้อนไปขอบคุณสมาคมฯ ในยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ดึงงานนี้มาจัดในไทย วาระสำคัญในงานจะเป็นการเลือกเจ้าภาพ ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2027 นอกจากนี้ยังมีการประชุมของสหพันธ์ฟุตบอลระดับทวีปอีกมากมาย นับว่าเป็นอีเวนต์นอกสนามฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศไทย

ประมุขลูกหนังไทย กล่าวด้วยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดโปรแกรมสำหรับการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 15 พ.ค. 67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้โชว์อาหาร วัฒนธรรมการแสดงของไทย ผสมผสานกลิ่นอายของการกีฬา ส่วนวันที่ 16 พ.ค. จะมีแข่งฟุตบอลในช่วงบ่าย ที่สนามสมาคมราชกรีฑาสโมสร (RBSC) มี 8 ทีม รวมทั้งทีมรัฐบาลไทยด้วย โดยจะมีตำนานนักเตะมาอยู่กับแต่ละทีม โดยในส่วนของทีมไทยนั้น นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ติดภารกิจต่างประเทศ จึงไม่ได้มาร่วมแข่งขันฟุตบอล ขณะเดียวกันจะมีตัวแทนจากสมาคมฟุตบอล “โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน อุปนายกสมาคมฯ, “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน กรรมการกลาง เข้าร่วม ส่วนนักเตะหญิงอีก 3 คน มี “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน อดีตโค้ชทีมชบาแก้ว, อิรวดี มาครีส, กาญจนา สังข์เงิน นักเตะบอลหญิงไทย

ขณะที่นายจิรุตถ์ กล่าวว่า ทีเส็บ ในฐานะองค์กรหลักด้านการประมูลสิทธิงานประชุมนานาชาติ ในนามประเทศไทย มีความภาคภูมิใจที่ไทยคือชาติแรกในอาเซียนที่ได้เป็นเจ้าภาพครั้งนี้ เชื่อว่าจะสร้างรายได้เข้าประเทศและก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจกว่า 228 ล้านบาท เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจในประเทศประมาณ 126 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 160 อัตรา อีกทั้งยังเป็นการยกระดับและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการรวมตัวกันของชุมชนกีฬาระดับโลกอีกด้วย