เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าความร่วมมือการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) ระหว่างไทย-จีน ว่า นายหวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลาง ด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรมว.ต่างประเทศจีน ได้เดินทางมาถึงประเทศไทย เมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ (26 ม.ค.) ในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26-29 ม.ค. 2567 โดยในวันที่ 28 ม.ค. นี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ จะเป็นประธานร่วมกับนายหวัง ในการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-จีน อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 1 กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนที่ทั้งสองจะลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) ซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา และหนังสือเดินทางกึ่งราชการด้วย ในเวลา 11.30 น. ซึ่งความตกลงนี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 นอกจากนี้ นายหวังจะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 29 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล

นางกาญจนา กล่าวอีกว่า ผลจากการยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน คาดว่าจะทำให้เกิดการขยายการท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน โดยกล่าวยกเทียบกับการฟรีวีซ่าของญี่ปุ่นต่อไทย ซึ่งส่งผลให้คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนมาก

เมื่อถามว่ามีความกังวลว่าการเปิดให้มีการเดินทางระหว่างไทย-จีน แบบฟรีวีซ่า จะทำให้แก๊งทุนจีนสีเทาเข้ามาทำผิดกฎหมายในไทยมากขึ้นหรือไม่ นางกาญจนา กล่าวว่า ความร่วมมือไทย-จีน ด้านอาชญากรรมข้ามชาติยังเป็นไปอย่างใกล้ชิด ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายกับการให้วีซ่าต้องแยกจากกัน ซึ่งในการบังคับใช้กฎหมายต้องเข้มแข็ง ส่วนการให้วีซ่าเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเมื่อมีการเดินทางเข้ามา ต้องผ่านหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมายของไทยอยู่ด้วย นอกจากนี้ ไทยและจีนยังมีลงนามในเอกสารเกี่ยวกับการเปิดสถานกงสุลจีนใน จ.ขอนแก่นและเชียงใหม่ด้วย