กรณี น.ส.กวินนา หรือฝน บุณเมศวร์ อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ อบต.เพิ่มพูนทรัพย์ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี หายตัวไปนานร่วม 10 วัน ก่อนมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านนาสาร กระทั่งมาพบศพถูกฆ่าโบกปูนทับอยู่ ริมถนนสายนาสาร-สุราษฎร์ธานี ลัดมุ่งหน้าเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี อ.เวียงสระ ต่อมาสามารถจับกุมนายประสิทธิพร พัฒน์มาก อายุ 39 ปี อดีตสามี ผู้ลงมือก่อเหตุได้ ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

พบแล้วร่างสาวอบต.หลังหายตัวลึกลับนานกว่า 10 วัน ที่แท้ถูกผัวฆ่าโบกปูนทิ้งป่ารก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. พล.ต.ต.นภัณวุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ควบคุมตัวนายประสิทธิพร ไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ทั้งนี้จากการสอบสวนปากคำนายประสิทธิพร ให้การรับสารภาพว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 13 พ.ย. ตนและภรรยา มีปากเสียงทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องความหึงหวง และตนถูกภรรยาใช้ถ้อยคำที่ดูถูกเหยียดหยามจนไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ ตรงเข้าไปผลักภรรยาล้มลงบนที่นอน ก่อนตามเข้าไปบีบคอ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที จนภรรยาแน่นิ่งไป และเสียชีวิต จึงคิดหาทางเคลื่อนย้ายศพเพื่อปกปิดความผิด

กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ได้นำศพภรรยาขึ้นรถกระบะ โดยวางศพไว้ที่เบาะนั่งหน้าขับคู่กันไปมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี โดยใช้ถนนสายนาสาร-สุราษฎร์ธานี ผ่านตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปตามถนนสาย 417 มุ่งหน้าเข้าถนนสาย 41 แล้วขับล่องใต้ไปจนถึง อ.เวียงสระ แต่ไม่สบโอกาสในการทิ้งศพ จึงย้อนกลับมา และตัดสินใจใช้ทางลัดมุ่งหน้าเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จนพบจุดทิ้งศพ โดยวางไว้ใกล้ท่อระบายน้ำดังกล่าว เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 14 พ.ย.

จากนั้นในช่วงเช้าของวันที่ 14 พ.ย. ได้นำที่นอนไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าในเขตเทศบาลนาสาร แต่ร้านปิดจึงทิ้งที่นอนไว้หน้าร้าน จนเมื่อมีผู้ทราบว่า ภรรยาหายตัวไปและมีผู้มาตามหาที่บ้านหลายครั้ง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ ที่โรงพักบ้านนาสาร เมื่อเวลาประมาณเที่ยงวันของวันที่ 15 พ.ย. โดยหลังจากแจ้งความได้ย้อนกลับมาดูที่ทิ้งศพอีกครั้ง และเกรงว่าจะมีผู้มาพบศพ จึงไปซื้อปูน ทราย มาโบกทับศพในวันที่ 16 พ.ย. เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. และระหว่างเดินทางกลับบ้านพัก ก็ได้นำทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยา เช่นโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ ไปทิ้งตามจุดต่างๆ

นายประสิทธิพร ยอมรับด้วยว่า หลังจากที่เข้าแจ้งความคนหาย และพบว่าตำรวจยังไม่มีเบาะแส หรือพบศพภรรยา จึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ ด้วยการสร้างสถานการณ์ ร้องขอให้เพื่อนที่อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ เขียนจดหมายในลักษณะเป็นจดหมายของภรรยาให้ส่งไปถึงเพื่อนที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ลักษณะว่าภรรยาออกจากบ้านไปเอง