จากกรณีวานนี้ (21 พ.ย.) ตัวแทนผู้เสียหายที่ซื้อหุ้นกู้ JKN เดินทางเข้าร้องเรียนปรึกษากับทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังผู้เสียหายทั้งหมดประมาณ 500 ราย ได้ซื้อหุ้นกู้ของบริษัท JKN รวมมูลค่าหุ้นกู้เป็นเงินกว่า 3,200 ล้านบาท แต่ผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้ กลับได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่บริษัท JKN ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและผู้เสนอจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการผ่าน ก.ล.ต. ต่อมาศาลล้มละลายกลาง พิจารณาคุ้มครองบริษัท JKN โดยไม่ต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยให้ผู้ถือหุ้นกู้ในส่วนนี้ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อหุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อมูลงบการเงินและเส้นทางการเงินของบริษัท รวมทั้งกรรมการบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นกรณีพิเศษ หรือ Special Audit เนื่องจากสงสัยว่าอาจทำบัญชีทรัพย์สินไม่ตรงตามความเป็นจริง และยังมีประเด็นข้อสงสัยอีกหลายอย่างเกี่ยวข้องกับการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทดังกล่าว จึงขอให้ดีเอสไอพิจารณาสืบสวนสอบสวนว่ามีประเด็นใดที่เข้าข่ายเป็นคดีความผิดทางอาญาตามกฎหมายที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 หรือความผิดอาญาอื่นที่อาจเกี่ยวข้อง รวมถึงขอให้ตรวจสอบการกลั่นกรองคุณสมบัติก่อนการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นกู้ของ ก.ล.ต. ด้วยว่า ใช้ดุลพินิจไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุนและระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศ โดยมีนายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ เป็นตัวแทนรับเรื่อง
ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายที่เป็นนักลงทุนได้ซื้อหุ้นกู้ของบริษัท JKN กว่า 500 ราย รวมมูลค่าหุ้นกู้เป็นเงินกว่า 3,200 ล้านบาท แต่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีบริษัท JKN ยื่นคำร้องต่อศาลขอฟื้นฟูกิจการและผู้เสนอจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการผ่าน ก.ล.ต. โดยไม่มีการจ่ายชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้ผู้เสียหายแต่อย่างใด ผู้กู้จึงเกิดความสงสัย โดยเฉพาะ ก.ล.ต. อนุมัติให้ขายหุ้นกู้ได้นั้น ใช้ดุลพินิจชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงมาขอดีเอสไอตรวจสอบ เพราะการอนุมัติขายหุ้นกู้ออกมาแล้วเกิดความเสียหายจำนวนมาก หรือเพียงแค่อนุมัติและไม่รับผิดชอบอะไรเลย รวมทั้งขอให้ตรวจสอบบริษัท JKN ว่ามีผลกำไรจากการทำธุรกิจจริงหรือไม่
ด้านนายนครินทร์ (สงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นกับบริษัทจึงได้ลงทุนหุ้นกู้ JKN ทั้งหมด 2 รุ่น นำเงินเก็บทั้งหมดมาลงทุนหลักล้านบาทแต่ได้สูญไปกับการลงทุนครั้งนี้ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างลำบาก และตนไม่ได้ทำงานเพราะอายุค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งตนไม่คิดว่าบริษัทจะทำแบบนี้ เพราะเห็นการเสนอต่างๆ น่าสนใจ ซึ่งหากบริษัทมาพูดคุยกับกลุ่มผู้เสียหายเพื่อขอยืดเวลา พวกเรายังพอได้รับดอกเบี้ยประทังชีวิตได้ แต่เมื่อบริษัทเข้ายื่นแผนฟื้นฟูกิจการ ทำให้ทุกอย่างหยุดหมด ก็ไม่ได้ดอกเบี้ยและไม่รู้ว่าเงินต้นจะได้หรือไม่ ทำให้ผู้ลงทุนกังวลทั้งหมด
ขณะที่ นายสมเกียรติ ตัวแทนรับเรื่อง เผยว่า เบื้องต้นดีเอสไอได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบก่อน สำหรับกรณีผู้เสียหายจากหุ้นกู้ JKN ก่อนพิจารณาเสนอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ ส่วนรายละเอียดขอให้คณะกรรมการฯ ประชุมพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขในการรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ และจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด.