เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงกรณีที่ประธานรัฐสภาสั่งเลื่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป โดยจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ปิดสวิตช์ สว. ในวันที่ 4 ส.ค. ว่า ประเด็นนี้เราเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ เป็นหล่มทางการเมืองที่มีความสำคัญ คือเราไม่สามารถมีนายกฯ ตามความต้องการประชาชนได้ จากการโหวตนายกฯ ครั้งที่ผ่านมา คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ซึ่ง สว. ส่วนใหญ่ไม่ให้ความเห็นชอบ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าถ้าไม่มีมาตรา 272 การโหวตนายกฯ จบแล้ว เรามีนายกฯ แล้ว แต่เนื่องจากมีมาตรานี้ มีรัฐธรรมนูญโดยคณะรัฐประหาร กระบวนการเหล่านี้จึงกลายเป็นหล่มทางการเมืองที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้น เราต้องรีบเอาหล่มทางการเมืองนี้ออกไป เพื่อที่จะได้นายกฯ จากประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ หล่มนี้ยังสะท้อนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากพิสดารที่ไม่ได้เกิดจากอุดมการณ์ ความคิด และความเชื่อที่คล้ายกัน แต่ผสมพันธุ์กันข้ามสายพันธุ์ข้ามสปีชีส์ เป็นการเปิดโอกาสให้ สว. ตั้งเงื่อนไขกับพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 14 ล้านเสียง แสดงให้เห็นถึงเป็นหล่มทางการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จึงจำเป็นต้องถอนหล่มนี้ออกเสีย
“มาตรา 272 เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน ถามว่าเราจะปล่อยให้เป็นอุปสรรคทางการเมืองต่อทำไม คุณทำได้แค่ยื้อเวลา แต่ไม่สามารถเปลี่ยนใจประชาชนได้ ด้วยเหตุผลทั้งหมด เราไม่มีความจำเป็นต้องคงมาตรา 272 อีกต่อไป กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญแล้วปิดสวิตช์ สว. จริงๆ ใช้เวลาไม่นาน ถ้าทุกฝ่ายทำอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้จะโหวตวาระ 1 ได้ โดยที่ 3 วาระ จะจบภายใน 1 เดือนได้ หากนับกระบวนการทูลเกล้าฯ ภายในเดือน ก.ย. 66 สว. จะไม่มีสิทธิเลือกนายกฯ อีกต่อไป ถ้ากระบวนการนี้จบลง อาจเป็นรูระบายให้ทุกฝ่าย ให้ประเทศเดินหน้าอย่างมั่นคงได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ถ้าเราลงมติให้ความเห็นชอบปิดสวิตช์ สว. จะเป็นโอกาสทางลงบันไดหนีไฟให้ สว. ที่ต้องการปิดสวิตช์ตัวเอง สว. ประมาณ 63 คน เคยลงมติปิดสวิตช์ตัวเองมาแล้ว ในวันที่ 4 ส.ค. ขอให้ท่านช่วยกันปิดสวิตช์มาตรา 272 เอา สว. ออกจากสมการเลือกนายกฯ อย่างไรก็ตาม ตนได้ยินมาว่า มีความเป็นไปได้ที่อาจทำให้องค์ประชุมล่มจนไม่สามารถพิจารณายกเลิกมาตรา 272 ได้ ตนก็หวังว่าไม่ควรมีเหตุผลต้องเลื่อนเรื่องนี้ออกไป สส. สว. อย่าใช้วิชามารใดๆ ให้องค์ประชุมล่ม หรือการพิจารณาไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หวังว่าท่านจะมีความจริงใจต่อประชาชน เพราะหลักการนี้เป็นหลักการสำคัญ ที่จะทำให้เราเข้าใกล้การเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ทุกฝ่ายควรให้การยอมรับ ซึ่งฝ่ายที่ต้องการสกัดพรรคก้าวไกล มาถึงตรงนี้มีความจำเป็นอะไรต้องยื้อเรื่องนี้ต่อไป ผมขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันปลดล็อกดีกว่า แล้วอย่ามาบอกว่า สว. จะไม่พอใจ หวังว่าคงไม่เกิดเหตุผลแบบนี้ และขอฝาก สว. ว่านี่คือโอกาสที่ท่านจะได้ปิดสวิตช์ตัวเอง และหาก 10 พรรคร่วมกับ สว. ทำให้องค์ประชุมล่ม คิดว่าต้องละอายต่อประชาชนบ้าง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมชาย แสวงการ สว. เสนอให้ประธานรัฐสภา เลื่อนระเบียบวาระการประชุมวันที่ 4 ส.ค. ออกไป รวมถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ด้วยนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การพิจารณาร่างแก้ไขมาตรา 272 ไม่ต้องรอศาลวินิจฉัย ตนคิดว่านายสมชาย ต้องกลับไปอ่านให้ดีว่าเป็นคนละเรื่องกันกับกระบวนการโหวตนายกฯ
เมื่อถามถึงความชัดเจนของพรรคก้าวไกล จะโหวตแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุป โดยการประชุมเมื่อวันที่ 3 ส.ค. เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้กำชับขอให้ใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อประธานรัฐสภาเลื่อนวาระการโหวตนายกฯ ออกไป จึงยังไม่รู้ว่าพรรคจะยังประชุมเพื่อขอมติในวันนี้หรือไม่
เมื่อถามว่า หากพรรคสองลุงมาร่วมในรัฐบาลด้วย พรรคก้าวไกลจะโหวตให้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลไม่โหวตให้ลุงอยู่แล้ว ไม่คิด และไม่มีทางแน่นอน
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า การตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น แล้วนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง เราฟังเสียงของพี่น้องประชาชน ถ้าเรากลับมาดูเรื่องการเลือกนายกฯ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่เดิมทีเราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราก็ยอมในหลายๆ เรื่อง เพื่อให้ 8 พรรคเดินไปได้ เรายอมเรื่องประธานสภา มาจนถึงนายกฯ เราก็เจอวิชาในกระบวนการที่ให้สภามีมติว่าเสนอนายพิธาซ้ำไม่ได้ เราก็ยอม วันนี้เรายอมมาหลายเรื่องแล้ว สุดท้ายเจอการตั้งเงื่อนไขจากคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เป็นเสียงข้างน้อยในสภา บอกจะไม่ร่วมงานกับก้าวไกล วันนี้มีความพยายามจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีก้าวไกล กระบวนการมันไม่ถูกต้อง จะให้คนที่ไม่ได้มาจาการเลือกตั้งมาสร้างเงื่อนไขได้อย่างไร
เรื่องมาตรา 112 เราก็ยอมไม่ใส่เอ็มโอยู วันนี้จึงไม่ใช่แค่การตั้งรัฐบาล แต่เรากำลังจะยอมรับให้คนไม่กี่คนมากำหนดกติกาแล้วใหญ่กว่าพี่น้องประชาชนได้อย่างไร ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สาทารถเข้าใจได้
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าพรรคก้าวไกล ควรนึกถึงบุญคุณของพรรคเพื่อไทย ที่เคยโหวตให้พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประชาชน 14 ล้านคน น่าจะมีบุญคุณมากที่สุด ถ้าจะนับบุญคุณที่เรายอมๆ กัน ไม่เป็นบุญคุณมหาศาลหรือ พวกตนยอมแล้วยอมอีก ยอมต่อ ถ้านับเรื่องบุญคุณ พวกตนมูลค่าบุญคุณมหาศาลมาก ดังนั้น เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องของบุญคุณ แต่เป็นการทำหน้าที่ เราเป็นหนี้บุญคุณประชาชนที่เลือกเรามา