สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้การต้อนรับและพบหารือกับนายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ผู้นำอิสราเอล ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ โดยนับเป็นการเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกของเบนเนตต์ นับตั้งแต่รับตำแหน่ง เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หนึ่งในประเด็นสำคัญของการหารือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ฉบับปี 2558 ซึ่งสหรัฐถอนตัวออกไป เมื่อเดือน พ.ค. 2561 ไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลของเขาให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามหลักการทูตก่อน แต่หากการใช้แนวทางดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ สหรัฐ "มีทางเลือกอื่น" โดยปฏิเสธขยายความ
ขณะที่ผู้นำอิสราเอลยืนกรานจุดยืนแบบเดียวกับรัฐบาลเทลอาวีฟทุกชุดที่ผ่านมา นั่นคือการขัดขวางทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง และเน้นย้ำว่า อิหร่านคือ "ประเทศหมายเลขหนึ่งของโลก ด้านการส่งออกผู้ก่อการร้าย การบั่นทอนเสถียรภาพ และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะเดียวกัน อิสราเอล "มีข้อมูลเชิงลึก" ว่าอิหร่านเดินเครื่องหมุนเหวี่ยงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่ติดตั้งใต้ดิน บริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟอร์โดว์ และโรงงานที่เมืองนาทานซ์ ซึ่งถือเป็น "โรงงานหลัก"
อนึ่ง ก่อนออกเดินทางมายังสหรัฐ เบนเนตต์กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าสหรัฐ "ต้องเป็นผู้ยุติกิจกรรมนิวเคลียร์ทั้งหมดของอิหร่าน" และ "ไม่หวนกลับไปร่วมข้อตกลงซึ่งไม่มีผลผูกพัน และไม่มีความเกี่ยวพันกันในทางใด"
สำหรับการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันของผู้นำอิสราเอล เกิดขึ้นไม่นานหลังการรับตำแหน่งผู้นำอิหร่านคนใหม่ ของประธานาธิบดีอีบราฮิม ไรซี ซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีดำการคว่ำบาตรของสหรัฐ และไรซีเดินหน้าเรียกร้องรัฐบาลวอชิงตันยุติมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว.
เครดิตภาพ : AP