นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการส่งออกผ่านการค้าชายแดนและผ่านแดน 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.64) มีมูลค่า 591,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.88% จากปีก่อน โดยแยกเป็นการส่งออกผ่านชายแดน 4 ประเทศ มาเลเซีย เมียนมา ลาว และกัมพูชา มูลค่า 40,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.55% การส่งออกผ่านแดน 3 ประเทศ จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ 49,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.84% ขณะที่ยอดส่งออกผ่านการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนเฉพาะเดือน ก.ค.64 มีมูลค่า 90,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.70%
“ในเดือน ก.ค. ยอดการค้าผ่านแดนและชายแดนในประเทศที่เป็นบวกสูงสุดคือจีน เพิ่มขึ้น 126.44% โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญสุดคือ ผลไม้สดและผลไม้แห้งเพิ่ม 348% มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท โดยเฉพาะทุเรียนมีมูลค่า 10,600 ล้านบาท มังคุด 4,700 ล้านบาท และลำไย 370 ล้านบาท”
ทั้งนี้ การค้าชายแดนและผ่านแดนที่ขยายตัว เป็นผลจากการที่กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนได้ร่วมกันเปิดจุดผ่านแดนและด่านได้แล้ว 44 ด่าน จากทั้งหมด 97 ด่าน และยังช่วยกันแก้ปัญหาเชิงรุกในการส่งออกทุเรียน มังคุด ลำไยไปจีนได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่เป็นตัวถ่วงตัวเลขการค้าชายแดน คือสถานการณ์โควิดในมาเลเซีย ทำให้เข้มงวดการนำเข้าสินค้าชายแดนผ่านไทยมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำยางและราคายางในประเทศ รวมถึงยังมีปัญหาระบบขนส่งโลจิสติกส์ข้ามจังหวัด และการส่งสินค้าข้ามฝั่งไปเมียนมา เนื่องจากปัญหาสถานการณ์การเมืองภายในของเมียนมา
นายจุรินทร์ กล่าวว่า แผนต่อไปกระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดเปิดด่านชายแดนต่อไป โดยให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเจรจากับจับมือกับเอกชนและจังหวัด เปิดด่านเพิ่มอีก 5 จังหวัดกับลาว ได้แก่ เชียงราย เลย หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร รวมถึงมีด่านปากแซง นาตาล ที่อุบลราชธานี ส่วนพื้นที่ภาคใต้จะผลักดันการเปิดด่านตากใบ กับบูเก๊ะตากับมาเลเซีย ที่จังหวัดนราธิวาส โดยตั้งเป้าหมายปี 64 ตัวเลขการค้าชายแดนและผ่านจะต้องขยายตัว 3-6% แต่ตอนนี้เกินเป้าหมายมาแล้ว 10 เท่าตัวเพราะล่าสุดยอดเติบโตถึง 37.88%
ด้าน นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า สินค้าส่งออกสำคัญไปยังมาเลเซีย ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยางพารา กัมพูชา ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ลาว ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ และรถยนต์นั่ง เมียนมา ได้แก่ น้ำมันดีเซล สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น