เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ศูนย์วิทยุกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุมีเด็กขังตัวเองไว้ในบ้านหลังหนึ่ง ภายในอ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี จึงจัดกำลังไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นสำนักงานทนายความ ประตูกระจกปิดล็อกอยู่ มีเด็กชายวัย 11 ขวบ ขังตัวเองไว้ในบ้าน และพบคุณย่า วัย 60 ปี ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่

คุณย่าให้ข้อมูลว่า หลานชาย น้องต้น (นามสมมุติ) วัย 11 ขวบ ก่อนเกิดเหตุตนได้ให้เงินหลานชายอีกคน ซึ่งเป็นน้องชายของต้น ไปซื้อขนม ซึ่งเมื่อต้นเห็นก็ขอเงินตนด้วย แต่ตนไม่ให้ เนื่องจากรู้ว่า น้องต้นจะนำไปเติมเงินเกม พร้อมกับได้ดุด่าสั่งสอนตามปกติ แต่ทำให้น้องต้นโมโห วิ่งเข้าบ้านและล็อกประตูขังตนไว้หน้าบ้าน ตนจึงโทรฯ แจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยงัดประตู

ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจสายตรวจได้งัดประตูเข้าไป เมื่อน้องต้นเห็นคุณย่าจึงได้วิ่งขึ้นไปนั่งร้องไห้บนขอบระเบียงดาดฟ้าชั้น 3 และขู่จะกระโดด เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องช่วยกันเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่า 30 นาที จึงอาศัยจังหวะที่น้องต้นเผลอ วิ่งเข้ารวบตัวและพาลงมาสงบสติอารมณ์ชั้นล่าง

นอกจากนี้ คุณย่าของน้องต้น ยังให้ข้อมูลว่า พ่อแม่ของน้องต้นแยกทางกันต่างคนก็ต่างไปมีครอบครัวใหม่ โดยได้ทิ้งหลาน 2 คนไว้ให้ตนเลี้ยงตั้งแต่ยังแบเบาะ โดยปกติแล้วน้องต้น มีพฤติกรรมเป็นเด็กติดเกม ไม่ค่อยสนใจอะไร เมื่อไม่ได้เล่นเกมก็จะหงุดหงิด ทำลายข้าวของในบ้าน จนต้องพาไปพบจิตแพทย์มาแล้วครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ยังชอบหยิบเงินของย่าไปเติมเกมโดยไม่บอกอยู่เป็นประจำ นับแล้วรวมๆ กว่า 1 หมื่นบาท ซึ่งตนก็ดุด่าตักเตือนมาตลอด

ด้าน นายอนิรุตน์ เหมประพันธ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย เล่าว่า ตอนแรกตนก็รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีเด็กขังตัวเองไว้ในบ้าน จึงมาช่วยเปิดประตูเมื่อเปิดเข้าไปคาดว่าเด็กน่าจะตกใจกลัวย่าจึงได้วิ่งหนีขึ้นไปบนดาดฟ้า จึงได้ช่วยกันเกลี้ยกล่อม เมื่อเด็กเผลอก็อาศัยจังหวะเข้ารวบตัวลงมาได้.