เมื่อจอร์แดน บรัสส์ พยาบาลสาวเจ้าของบัญชีผู้ใช้ “ติ๊กต็อก” ในนามของ “jordan.bruss” โพสต์คลิปเตือนผลเสียของการตั้งนาฬิกาปลุกบนโทรศัพท์มือถือไว้หลาย ๆ ช่วงทกเช้า ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้ในหมู่ของคนที่ชอบ “ตื่นแล้ว แต่ไม่ยอมลุก” และ “ขอนอนต่ออีก 5 นาที” ปรากฏว่าโพสต์ของเธอมีผู้ให้ความสนใจเข้าชมไม่ต่ำกว่า 7.2 ล้านครั้งแล้ว
บรัสส์อธิบายว่าการตั้งนาฬิกาให้ปลุกแบบถี่ ๆ อย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ เนื่องจากการที่ต้องสะดุ้งตื่นแบบซ้ำ ๆ ในตอนเช้าจะส่งผลกระทบในแง่ลบต่อวงจรการนอนหลับในช่วงหลับฝัน (REM Cycle) ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายได้หลับลึก อวัยวะในร่างกายส่วนใหญ่หยุดทำงานหรือทำงานช้าลง ทำให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ความรู้สึกที่ต้องฝืนระหว่างนอนต่อกับตื่นนอนครั้งแล้วครั้งเล่าจะทำให้ร่างกายเครียดและเหนื่อยล้า ทางที่ดีที่สุดคือ เมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกก็ควรจะลุกจากที่นอนในทันที อย่าทำฝืนสิ่งที่เป็นเหมือนการทรมานตัวเอง
ต่อมา บรัสส์ยังโพสต์คลิปต่อเนื่องซึ่งเป็นการแนะนำวิธีฝึกฝนหรือปรับนิสัยการตื่นนอนเพื่อสุขภาพที่ดี
พยาบาลสาวแนะนำว่าให้เข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดิมเป็นประจำทุกวัน แม้กระทั่งในวันหยุด เพื่อให้ร่างกายและสมองคุ้นเคยกับนาฬิกาชีวภาพ (Circadian rhythm) ของตัวเอง และทำให้มีวงจรการนอนหลับที่มีคุณภาพมากขึ้น
บรัสส์ชี้ว่า การสร้างนิสัยของการเข้านอนและตื่นนอนที่ดีต่อสุขภาพขึ้นมาใหม่นั้น ต้องอาศัยความสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องสักระยะเวลาหนึ่ง จึงจะกลายเป็นนิสัยถาวรติดตัว
นอกจากนี้ เธอยังนำคำแนะนำที่ได้จากผู้ที่เข้ามาแสดงความเห็นมาเล่า โดยมองว่าเป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์ กล่าวคือให้วางนาฬิกาปลุกหรือโทรศัพท์มือถือที่ตั้งปลุกไว้ในอีกห้องหนึ่ง หรือไม่ได้อยู่ในระยะที่เอื้อมมือถึง เพื่อให้ตัวเองต้องลุกขึ้นมาจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถปิดเสียงที่ตั้งปลุกเอาไว้
อย่างไรก็ตาม บรัสส์กล่าวว่าเธอไม่ได้บังคับให้ทุกคนต้องทำตามที่เธอบอก เธอเพียงแค่ต้องการอธิบายว่าทำไมพฤติกรรมการตั้งนาฬิกาปลุกแบบถี่ ๆ ดังกล่าวจะทำให้ร่างกายรู้สึกเครียดและเหนื่อยล้าได้เท่านั้น
ที่มา : ladbible.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES