“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงแนวทางการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการประชุมภายในร่วมกับรองผู้ว่าการ กกท. เพื่อเตรียมเอกสารเข้าไปพูดคุยชี้แจงกับ กสทช. และเอเย่นต์ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากสิงคโปร์ ซึ่งตัวเลขในข่าวที่ออกมา กำลังอยู่ในช่วงการทำรายละเอียด มันยังไม่นิ่ง แต่การติดต่อซื้อครั้งนี้ เป็นการซื้อเพื่อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกครั้งเดียว คือ ปี 2022 ที่กาตาร์ แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง และกำลังอยู่ในการเจรจาพูดคุยกัน และดูแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ ส่วนการทำเอกสารต่างๆ คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน เพื่อส่งให้ กสทช. นำไปพิจารณาเบื้องต้น แล้วค่อยเรียกเข้าไปชี้แจงต่อไป
ดร.ก้องศักด กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยบอกว่าค่าลิขสิทธิ์มันอยู่ที่เท่าไหร่กันแน่ แค่ให้ลองเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในละแวกอาเซียน เช่น มาเลเซีย, อินโดนีเซีย ที่ใกล้เคียงกับไทย ก็พยายามดูตัวเลขให้มันเหมาะสมที่สุด กำลังรอตัวเลขที่ชัดเจน แต่อาจจะไม่ถึง 1,000 ล้านบาท อย่างที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม จะต้องมาดูแหล่งเงินว่าจะมีช่องทางใดบ้าง เพราะทางภาครัฐจะรับผิดชอบฝ่ายเดียวไม่ได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า การมีกฎมัสต์แฮฟ ทำให้การเจรจามันยากขึ้นหรือไม่นั้น “บิ๊กก้อง” กล่าวว่า มันแล้วแต่มุมมอง การมีกฎมัสต์แฮฟ เป็นกฎที่ดี เพราะทำให้แน่ใจว่าประชาชนชาวไทย จะได้ดูทางฟรีทีวีแน่นอน แต่มันก็ไม่ได้จำเป็นเสมอไป เพราะถ้าหากสุดท้ายเจรจาไม่ลงตัว ไม่สามารถซื้อลิขสิทธิ์มาได้ ไม่มีการถ่ายทอดใดๆ เลย รัฐบาลก็ไม่ได้ผิด เพราะกฎมัสต์แฮฟ เป็นกรณีที่ว่า ถ้ามีคนซื้อลิขสิทธิ์ คนไทยจะต้องได้ดูทางฟรีทีวีเท่านั้น
“ส่วนจะมีโอกาสที่ฟุตบอลโลก 2022 จะไม่มีถ่ายทอดสดหรือไม่นั้น ทางเราจะพยายามให้มากที่สุด คงไม่อยากพูดว่าจะไม่มีถ่ายทอดสด แต่จะต้องหาวิธีการ คงต้องให้เอกชนเข้ามาร่วมมือ จึงจะทำเรื่องนี้สำเร็จได้” บิ๊กก้อง กล่าว
ดร.ก้องศักด กล่าวเสริมอีกว่า กฎมัสต์แฮฟนั้น ถือว่ามีเจตนาที่ดี ที่อยากให้คนได้ดูกีฬาสำหรับมวลมนุษยชาติ แต่ก็ต้องวิเคราะห์ว่า มีผลดีผลเสียอย่างไรบ้าง กกท. คงไม่ขอก้าวล่วงเรื่องนี้ เราทำงานในข้อจำกัดต่างๆ ที่มี แต่ตอนนี้ก็มุ่งเป้าทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด ส่วนที่ประชุม กสทช. ไม่ทราบว่า เคยมีการพูดคุยเพื่อยกเลิกกฎนี้หรือไม่แต่อย่างใด