เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. ที่โบสต์คริสต์บ้านตะโกล่าง หมู่ที่ 8 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จังหวัดราชบุรี ได้จัดเวทีให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับเรื่องสถานะบุคคล และสัญชาติ ในพื้นที่หมู่ที่ 8 บ้านตะโกล่าง ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ซึ่ง นางจิรนันท์ เจียมเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จังหวัดราชบุรี ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่ของศูนย์ฯ ในหลายพื้นที่ พบว่า ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดน ของจังหวัดราชบุรี ยังมีผู้ประสบกับปัญหา ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการด้านสถานะบุคคล และการดำเนินการด้านสัญชาติ อยู่เป็นจำนวนมาก ไม่รู้ว่าแต่ละคน จะต้องไปดำเนินการอย่างไรบ้าง จะติดต่อสื่อสารกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นทางที่ว่าการอำเภอ โรงพยาบาล จึงได้มีการจัดเวทีให้ความรู้ กับประชาชน ในพื้นที่ให้มีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องของสัญชาติ และสถานะบุคคล โดยได้มีการเชิญ นายสุรพงษ์ กองจันทึก ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ และอนุกรรมการประสานงานและติดตามการดำเนินการกำหนดสถานะบุคคลในสถานศึก กระทรวงศึกษาธิการ พร้อม นายกลยุทธ์ อุปลา ปลัดอำเภอ หัวหน้างานทะเบียนอำเภอสวนผึ้ง มาเพื่อให้ความรู้และทำความเข้าใจ เพื่อเป็นแนวทางที่สามารถติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ การจัดเตรียมพยานบุคคล ตามระเบียบที่จะต้องปฏิบัติ


นายสุรพงษ์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร และอนุกรรมการประสานงานและติดตามการดำเนินการกำหนดสถานะบุคคลในสถานศึก กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในวันนี้ ได้ ลงมาให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่ ในเรื่องของการพัฒนาสถานะบุคคล รวมถึง การให้เด็ก เยาวชน ทุกคนต้องได้รับการศึกษา จากการลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่บ้านตะโกล่าง ในครั้งนี้ พบว่าชาวบ้านในพื้นที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และกลุ่มชาติพันธุ์มอญ มีชาวบ้านในพื้นที่มากกว่า 100 คน มาร้องเรียนว่าประสบปัญหาในเรื่องของการดำเนินการขอเอกสารการแจ้งเกิด  ไม่ได้รับการแจ้งเกิด และการเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้าน ทำให้เป็นบุคคลไร้สถานะ ไร้สัญชาติ ไม่มีเอกสารยืนยันตัวบุคคล ทำให้ขาดสิทธิต่างๆ ที่ควรจะได้ ในวันนี้ จึงได้มีการให้ความรู้กับประชาชนถึงวิธีการที่จะดำเนินการในการในการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ การติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการไปยื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอ โดยเฉพาะปัญหา ในส่วนของการที่ชาวบ้านได้แจ้งว่า ไปยื่นเรื่องแล้ว เรื่องก็เงียบหายไปเป็น 10 ปี


ด้านนายกลยุทธ์ ปลัดอำเภอ หัวหน้างานทะเบียนอำเภอสวนผึ้ง ได้กล่าวว่า ต้องขอชี้แจงกับประชาชนว่าทางอำเภอพร้อมที่จะดำเนินการ ให้บริการกับประชาชนอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถในงานทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะงานด้านทะเบียน ที่ต้องรับผิดชอบหลายเรื่อง และในแต่ละวันมีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้การดำเนินการด้านสถานะและสัญชาติ เป็นไปอย่างล่าช้า ประกอบกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ มีจำนวนน้อย จึงอยากฝากให้ประชาชนได้เข้าใจและเห็นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทางอำเภอด้วย และขอรับปากว่า หลังจากที่มีประชาชนมายื่นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานะบุคคล และสัญชาติ ตนในฐานะปลัดอำเภอ หัวหน้างานทะเบียนอำเภอสวนผึ้ง จะกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้มีการดำเนินการออกใบรับเอกสารและกำหนดนัดที่แน่นอน ให้กับชาวบ้านที่มาดำเนินการยื่นเรื่องกับทางที่ว่าการอำเภอ


นางสาวตา (นามสมมุติ) ผู้ถือบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ได้ให้ข้อมูลว่า ตนมีบุตรสาวที่เกิดในประเทศไทย ตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม 2549 และได้เข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านตะโกล่าง ตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนปัจจุบันนี้ ศึกษาอยู่ชั้น ม.4 อายุ 16 ปี แต่ยังไม่มีบัตรเอกสารแสดงตน และไม่มีเลข 13  หลัก มีเพียงเลขที่ทางโรงเรียนออกให้ (G) จึงอยากให้บุตรสาวได้รับเอกสารบัตรแสดงตัวตน และมีชื่อในทะเบียนบ้านเหมือนบุคคลอื่นๆ


นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นปัญหา นี้ว่า ปัจจุบันทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้ร่วม กับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังดำเนินการแก้ไขให้เด็กนักเรียนทุกคน ได้มีสถานะบุคคลและบัตรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะให้มีการเร่งแก้ไขเด็กนักเรียน ที่มีเลขประจำตัวที่ขึ้นต้น ด้วยอักษร ตัว G ให้มีการได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติและอออกเลข 13 หลัก ตลอดจนมีบัตรยืนยันตัวตนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการมาหลายปีแล้ว แต่พบความล่าช้า และยังมีเด็กที่ยังมีเลขตัวอักษร G อยู่อีกเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ ซึ่งในพื้นที่อำเภอสวนผึ้ง ก็ยังพบว่า มีเด็กนักเรียนที่ยังไม่ได้รับสถานะทางทะเบียน โดยยังมีเลขประจำตัวที่ขึ้นต้นด้วยอักษร G อยู่อีกมาก เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านถ้ำหิน มีเด็กนักเรียนที่ยังมี เลขอักษรตัว G จำนวน 31 คน และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตะโกปิดทอง มีเด็กนักเรียนที่ยังมี เลขอักษรตัว G จำนวน 81 คน ซึ่งการแก้ไขเด็กนักเรียนที่มี เลขอักษรตัว G ก็มี พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร แก้ไขฉบับที่ 2 พ.ศ.2551 มาตรา 38 วรรคสอง กำหนดเป็นหน้าที่ให้นายทะเบียนจัดทำทะเบียน และบัตรสำหรับคนที่ไม่มีสัญชาติไทย หรือคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย กำหนดไว้อยู่แล้ว ตนจึงหวังว่าทางอำเภอสวนผึ้ง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการให้กับกลุ่มเด็กเหล่านี้ในเร็ววัน เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร