เมื่อวันที่ 5 พ.ค. น.ต.ศิธา ธิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 11 พร้อมนายพีร์ โรจนดารา ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตภาษีเจริญ หมายเลข 3 พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และนายจอนนี่ แอนโฟเน่ สมาชิกพรรค ลงพื้นที่หาเสียงเขตภาษีเจริญ พบปะผู้ค้าภายในห้างสรรพสินค้าซีคอนบางแค

น.ต.ศิธา กล่าวว่า ปัญหาเขตภาษีเจริญ ไม่ได้หนักไปทางใดทางหนึ่ง แต่ที่หนักสุดคือ ปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งผู้ค้าสะท้อนว่าซบเซาแต่ยังอยู่ได้ เพราะห้างฯ ลดราคาค่าเช่าให้ แต่กำไรน้อยลง ทั้งรายย่อย และห้างร้าน เพราะคนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ซึ่ง กทม.ยังไม่เปลี่ยนกรอบคิดในเรื่องการดูแลผู้ค้า รวมถึงไม่มีมาตรการรองรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ปัจจุบันโดยเฉพาะประชาชนนิยมใช้แอพพลิเคชั่นสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีที่จอดรถให้ไรเดอร์ ขณะที่ไรเดอร์ต้องเดินทางมากขึ้น กทม.จึงควรกำหนดเส้นทางให้ไรเดอร์ โดยพิจารณาว่าสะพานข้ามแยกแต่ละแห่งหรือจุดไหนสามารถขึ้นได้ เพื่อความรวดเร็วในการส่งอาหาร ควรลดหย่อนผ่อนปรน ส่วนเส้นทางที่อันตรายจริงก็ค่อยห้ามใช้ดังเดิม ดังนั้น กทม.จึงต้องให้ความสำคัญและบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ด้วย

น.ต.ศิธา กล่าวว่า การหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ฐานะพรรคการเมืองที่ส่งทั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. ครบทั้ง 50 เขต ซึ่ง ส.ก.ที่ส่งลงเป็นคนที่ทำงานในพื้นที่ จึงไม่กังวลการทำงานแต่ละพื้นที่ เชื่อว่าภาพที่นำเสนอน่าจะเพียงพอ แต่ยอมรับว่าอาจจะเปิดตัวช้า ซึ่งขณะที่เปิดตัวผลสำรวจจากที่ต่างๆ ก็ออกมาว่า คนที่ยังไม่ตัดสินใจ 20% จึงมองว่าก็มีสิทธิที่จะได้รับเลือกจากส่วนนี้ด้วย และผู้ที่ได้ตั้งใจไว้ว่าจะเลือกผู้สมัครรายอื่น อาจเปลี่ยนใจมาสนับสนุนตนจากนโยบายที่ประกาศออกไป สำหรับความคาดหวังต่อคะแนนที่จะได้นั้น แม้เป็นพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งนโยบายทั้งหมดที่จะทำใน กทม.เป็นนโยบายที่จะทำให้ประเทศไทยด้วย โดยหวังจะใช้ กทม.เป็นตัวนำร่อง ซึ่งถ้าเงื่อนเวลาไม่ทัน หรือประชาชนยังลังเลในตัวนโยบาย ทางพรรคยืนยันจะนำเสนอต่อไปในการเมืองระดับชาติ และหากตนไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ พรรคและตน รวมถึง ส.ก.ที่ได้รับเลือกหรือไม่ได้รับเลือกก็ตาม จะสนับสนุนให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำนโยบายที่ตนคิดให้เกิดขึ้นให้ได้

น.ต.ศิธา กล่าวด้วยว่า ส่วน ส.ก.ทั้ง 50 เขต ต่างพิสูจน์ตัวเองแล้วและยืนยันว่าทุกคนมุ่งมั่นในการทำงานในพื้นที่ต่อไป และเป็นตัวแทนของพรรคในการนำเสนอนโยบายต่อประชาชน ไม่ได้ดูผลแพ้ชนะในขั้นสุดท้ายเป็นตัวตัดสิน แต่มองผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้จากนโยบายที่สื่อสารและการตอบรับจากประชาชน ที่สำคัญพรรคฯ มีบุคลากรที่สำคัญอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ประธานพรรค ที่ทำงานการเมืองมา 30 ปี ที่ทำจริงและทำจนสำเร็จ รวมถึงมีบุคลากรคนอื่นๆ ที่อยู่ในแวดวงการเมืองเข้ามาร่วมงาน จึงมองว่า อย่างไรก็แล้วแต่ ในสิ่งที่ตนทำไปไม่สูญเปล่า ยืนยันว่าเป็นการเข้ามาทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง