การประกาศใช้ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ส่งผลให้การจัดเก็บ “ภาษีบุหรี่” กระโดดขึ้นมาอยู่ที่ 79% (ถ้าบุหรี่ซองละ 100 บาท เป็นค่าภาษี 79 บาท) ไม่รู้ว่าสามารถตอบโจทย์การเก็บรายได้เข้ารัฐ ช่วยแก้ปัญหาสาธารณสุข และลดจำนวน “คนสูบ” ได้แค่ไหน?
แต่ที่แน่ ๆ ปัจจุบันตัวเลขคนสูบบุหรี่ในทุกเพศ ทุกวัย ทั่วประเทศไทย ยังอยู่ที่ประมาณ 9.9 ล้านคน ขณะที่โรงงานยาสูบมีอาการหนักสุด! จากที่เคยส่งรายได้เข้ากระทรวงการคลัง 7,000-8,000 ล้านบาท (ปี 60) แต่ปี 61 เรื่อยมา เหลือกำไรไม่มาก โดยมีเงินส่งเข้าคลังไม่กี่ร้อยล้านบาท บางปีแทบขาดสภาพคล่อง
ไหนจะเกษตรกรชาวไร่ยาสูบต้องสูญเสียรายได้นับพันล้านบาท แถมยังส่งผลทำให้ “บุหรี่เถื่อน” ระบาดหนัก จากข้อมูลตัวเลขบุหรี่เถื่อนทั่วประเทศประมาณ 5-6% แต่ช่วงปี 61-67 บุหรี่เถื่อนพุ่งขึ้นมาที่ 25% (ประมาณ 9,000 ล้านมวน หรือยัดใส่ตู้คอนเทเนอร์ได้ 900 ตู้)
นั่นหมายความว่าบุหรี่ที่วางขายในประเทศไทยขณะนี้ 4 ซอง ต้องเป็นบุหรี่เถื่อน 1 ซอง ทำให้ภาครัฐเสียหายจากการจัดเก็บรายได้ปีละเกือบ 30,000 ล้านบาท
ทั้งที่เม็ดเงินเกือบ 30,000 ล้านบาท (บุหรี่เถื่อน) ควรจะไปอยู่กับชาวไร่ยาสูบ 700 ล้านบาท, ภาษีบำรุงท้องที่ 700 ล้านบาท, ภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ 1,300 ล้านบาท, ผู้ผลิต ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกใบยา 4,400 ล้านบาท, ภาษีมหาดไทย 1,700 ล้านบาท, ภาษีสรรพสามิต 17,000 ล้านบาท, ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,900 ล้านบาท และร้านค้าถูกกฎหมาย 2,200 ล้านบาท
“บุหรี่เถื่อน” ส่วนใหญ่ทะลักมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ขนเข้ามาทางบก และทางน้ำ โดยทางบกจะลักลอบขนด้วยรถยนต์ และกองทัพมด เข้ามาทาง จ.นราธิวาส สตูล สงขลา ตราด จันทบุรี และสระแก้ว
ส่วนทางน้ำ ลักลอบขนมาทางเรือผ่าน จ.ตราด ตรัง สงขลา และสตูล โดยบุหรี่เถื่อนระบาดมากที่สุด ใน จ.สงขลา 90.6% สตูล 88.5% พัทลุง 75.5% ภูเก็ต 74.4% นครศรีธรรมราช 72.5% ระนอง 61%
ขณะที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล มีบุหรี่เถื่อนพุ่งสูงขึ้น 73 เท่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คือ นนทบุรี 44.5% สมุทรปราการ 43% กรุงเทพฯ 36.5% ปทุมธานี 30.6% สมุทรสาคร 28.8% และจังหวัดใหญ่อย่างนครราชสีมา 26.6%
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 67 ป.ป.ช.มีมติฟัน! ทั้งคดีอาญาและทางวินัย กับตำรวจยศ “พล.ต.ต.” ระดับผู้การจังหวัด ในกรณีสั่งการไม่ให้ตรวจสอบรถปิกอัพขนบุหรี่เถื่อน–สุราเถื่อน ขณะประสบอุบัติเหตุตกถนนในภาคใต้ เมื่อปี 62 แล้วปล่อยรถคันดังกล่าวหลบหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุ
ดังนั้นรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะต้องเร่งปิดสวิตช์ “บุหรี่เถื่อน” โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต-กรมศุลกากร-ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง จริงจังมากขึ้นในการปราบปรามให้บุหรี่เถื่อนลดลง!
สำหรับประชาชนทั่วไป สามารถแจ้งเบาะแส “บุหรี่เถื่อน” ไปที่สายด่วน กรมสรรพสามิต โทร. 1713 และการยาสูบแห่งประเทศไทย โทร. 0-2229-1434 (ในเวลาราชการ).
……………………………….
พยัคฆ์น้อย