“ลอดช่อง” เป็นขนมไทยลำดับต้น ๆ ที่คนนึกถึง ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ถึงกระนั้นในแง่ของการทำตลาดก็อาจจะมีข้อจำกัดจากการขาย ที่ในตลาดส่วนใหญ่จะขายแบบแยกน้ำกะทิกับตัวลอดช่อง ทำให้เกิดช่องว่างในการเข้าถึงสินค้าของผู้บริโภค ซึ่งข้อจำกัดนี้เองที่ทำให้เอสเอ็มอีรายนี้มีแนวคิดจะทลายกำแพงเรื่องนี้ ส่วนจะทำยังไงนั้นต้องลองมาพิจารณากันดู
ทั้งนี้ จากช่องว่างดังกล่าวของ “ลอดช่อง” ทำให้ เอกรัฐ พยัคฆพันธ์ เจ้าของขนมแบรนด์มหานคร ซึ่งปิ๊งไอเดียที่จะยกระดับลอดช่องไทยสู่ร้านค้าโมเดิร์นเทรดที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมากขึ้น โดยเขาเล่าว่า หลังมีแนวคิดนี้ก็ได้เข้าไปปรึกษาจากทางเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้า ภายใต้โจทย์ใหญ่อย่าง ตัวลอดช่องต้องไม่แข็งเมื่อแช่เย็น และมีอายุเก็บรักษาได้นานขึ้นแม้อยู่ในน้ำกะทิ และหลังจากใช้เวลาคิดค้นพัฒนาราว 1 ปี จึงออกมาเป็นสินค้าลอดช่องในน้ำกะทิพร้อมทานบรรจุถ้วย ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวกในการรับประทาน อย่างไรก็ดี แต่ด้วยความที่อยากให้ลอดช่องกระจายถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น จึงทำการต่อยอดด้วยการนำลอดช่องมาแบ่งบรรจุถุงแบบแยกเนื้อแยกน้ำขายในขนาดบรรจุ 500 กรัมผ่านช่องทาง ALL ONLINE เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อในปริมาณที่มากขึ้น ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% จากเดิมที่ไม่ถึง 10% อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับการตอบรับที่ดี แต่ผู้ประกอบการรายนี้ย้ำว่า สินค้าก็ยังไม่หยุดพัฒนาโดยได้มีการพัฒนาสินค้าตัวใหม่มาเป็น “ขนมครกสิงคโปร์” ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจากเมนูขนมลอดช่อง ที่ต้องใช้ใบเตยเป็นวัตถุดิบหลักเหมือนกัน
ส่วนแนวคิดการทำธุรกิจยุคใหม่นั้น ทางเอกรัฐ เจ้าของแบรนด์ได้กล่าวแนะนำว่า นอกจากผู้ประกอบการ “ต้องไม่หยุดพัฒนา” แล้วนั้น ยัง “ต้องมองหาพันธมิตร” เข้ามาจับมือเพื่อเพิ่มโอกาส และ “ต้องสร้างช่องทางใหม่ ๆ” ให้กับตนเอง โดยแบรนด์ของเขาได้เลือกที่จะจับมือกับทางเซเว่น ที่นอกจากจะให้ช่องทางการขายแล้ว ยังช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยด้วย จนทำให้แบรนด์ของเขาได้รับรางวัล SME ดาวรุ่งจากเวทีเซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2023 ที่ผ่านมา จนมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และนี่เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาน่าสนใจของ “เอสเอ็มอีขนมไทย” ที่เอสเอ็มอีอื่น ๆ น่าศึกษา และน่าปรับใช้เป็นแนวทางได้.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ [email protected]