ปัญหาฝุ่นพิษ!! ควันพิษ!! ในหลายจังหวัดในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… ทางภาคเหนือ ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่!! ของประเทศ จนทำให้ไทยต้องติดชาร์จอันดับหนึ่งของโลก ในเรื่องของมลพิษทางอากาศ มานานนับสัปดาห์

Free photo view of metro city buildings cityscape

เรื่องนี้… กำลังกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ กับการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ด้วยเพราะปัญหามลพิษ ปัญหาฝุ่นพิษ ที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพ แถมยังพกด้วยอุณหภูมิอากาศ ที่ร้อนแรง ทำให้ยอดจองที่พักในภาคเหนือ โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ เชียงราย หดหายไปแล้วกว่า 50%

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ประเทศไทย เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ต้องการเดินทางเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยว “จีน”

ไม่เพียงไทย!! เท่านั้น ที่ต้องการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทย แต่ทุกชาติทั่วโลกต่าง “ต้อนรับ” นักท่องเที่ยวจีนด้วยกันทั้งนั้น ด้วยเพราะจำนวนคนจีนที่มีมากกว่า 1,000 ล้านคน แถมยังเป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อไม่น้อยทีเดียว

Photo back side of young asian traveling women walking and looking in khaosan

ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ “แผนชาติ” ของไทย เอง ได้ตั้งเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มจำนวนรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ 25% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

ด้วยเหตุนี้ นักท่องเที่ยวจีน จึงกลายเป็นตลาดสำคัญของไทย เป็นเป้าหมายใหญ่ ที่ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือททท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างตั้งความหวังกับนักท่องเที่ยวจีน

แต่ความหวัง ความฝันของการท่องเที่ยวครั้งนี้ ก็เต็มไปด้วยอุปสรรคใหญ่ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ เรื่องของฝุ่นพิษ ควันพิษ เท่านั้น แต่ปรากฎว่าเรื่องของ “กลุ่มทุนสีเทา” ของชาวจีนเองก็มีไม่น้อยที่อยู่ในไทย ดังที่เห็นจากกระแสข่าวในเชิงลบที่เกิดขึ้น

เรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ความปลอดภัย” ของชาวจีนที่อยู่ในไทยเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่า เป็นการปลุกชีพ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจไทยและผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่องของไทย จำนวนไม่น้อย

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นได้จากบทสัมภาษณ์ ของ “สุรวัช อัครวรมาศ” รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือสทท. ที่ระบุว่า ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือ ทัวร์ต่ำกว่าทุน กลับมารุนแรงยิ่งกว่าช่วงก่อนโควิด

แต่ที่น่ากังวล!! คือ กลุ่มทุนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจนี้ เป็นกลุ่มทุนใหม่ ที่ทางการจีนกำลังกวาดล้างอย่างหนัก จึงโยกย้ายเข้าทำธุรกิจในไทย ทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านโชว์ แหล่งท่องเที่ยว รวมไปถึงจัดหารถบัสเอง ร้านขายของฝาก และหาวัดให้เช่าพระ โดยให้ผลประโยชน์ ให้กับคนดูแล

รองประธานสทท. ย้ำให้เห็นชัด ๆ อีกว่า ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ หนักหนามากกว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญ ด้วยซ้ำไป โดยเวลานี้เรียกได้ว่าเป็น “ทัวร์อั้งยี่”พราะทำทุกอย่างแบบครบวงจร โดยแทบไม่มีรายได้อะไรเล็ดลอดออกมาสู่ประเทศไทยด้วยซ้ำ

ประเมินคร่าว ๆ ว่า ปัญหาทัวร์อั้งยี่ ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ จะทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักแสนล้านบาทกันเลยทีเดียว

ณ เวลานี้ บรรดาผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวต่างกังวลกับธุรกิจนี้กันอย่างมาก ทัวร์อั้งยี่ รุนแรงกว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะเป็นการทำธุรกิจแบบผูกขาดเฉพาะคนจีน โดยร่วมมือกันระหว่างบริษัทขายส่งทัวร์รายใหญ่ในจีน กับกลุ่มคนจีนที่ทำธุรกิจสีเทาในเมืองไทยเท่านั้น

ต้องยอมรับว่าใน 3 ปี ที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทั่วโลกหยุดการเดินทางท่องเที่ยว ได้มีชาวจีนจำนวนมากที่ใช้ชีวิตอยู่ในไทย จนมีเส้นสายและเริ่มต้นทำธุรกิจในไทยแบบปักหลัก คนจีนบริหารกันเอง ทั้งการเปิดร้านอาหาร ภัตตาคารขนาดใหญ่ และอีกหลายธุรกิจ

เมื่อจีนเปิดประเทศ ให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้ โดยเฉพาะในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ บรรดาบริษัทขายส่งทัวร์ขนาดใหญ่ในจีน จัดรูปแบบการทำทัวร์ในลักษณะผูกขาดโดยชาวจีน 100% ร่วมกับกลุ่มคนจีนที่ทำธุรกิจในไทยอยู่แล้ว จัดทำกรุ๊ปทัวร์โดยไม่มีบริษัททัวร์ไทยมาเกี่ยวข้องเและขายทัวร์ในราคาที่ถูกมากจนทัวร์ไทยแข่งขันไม่ได้

ทัวร์อั้งยี่ ทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่กำลังฟื้นชีพในเมืองไทย แม้อยู่ในสายตา ของทางการไทยก็จริง แต่หากได้รับการแก้ไขที่ล่าช้า ก็เชื่อว่าความหวัง ความฝันของไทยอาจเอื้อมไม่ถึงก็เป็นไปได้!!

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”