แมตช์แรกที่ลงทำหน้าที่นั้น เราผิดพลาดเยอะมาก จนโดนอาจารย์และรุ่นพี่สวดยับเลย ทำให้ช่วงนั้นรู้สึกเฟล รู้สึกแย่มาก แต่ก็ไม่ท้อ และพยายามนำความผิดพลาดมาปรับปรุง จนวันนี้เราได้รับการยอมรับจากคนในวงการแล้วว่า…ถึงแม้จะเป็นผู้หญิง แต่ก็ทำได้ไม่แพ้ผู้ชาย“ เสียงใส ๆ ของ “สาวเชิ้ตดำ” ที่ชื่อ “หญิง-ครองขวัญ สาขา” บอกเล่าความรู้สึกนี้ในบทสนทนาถึงเส้นทางของเธอ จากวันแรกที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด มาสู่วันที่เธอได้รับการยอมรับจากทุกคน ในฐานะ “ผู้ตัดสินฟุตบอล” ที่ทำหน้าที่ได้เด็ดขาดยอดเยี่ยมเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่แพ้ผู้ตัดสินผู้ชาย และเมื่อบวกกับรูปร่างหน้าตาที่ดูโฉบเฉี่ยว ก็ทำให้เธอได้รับฉายา “นางฟ้าเชิ้ตดำ” พ่วงมาอีกตำแหน่ง ซึ่งวันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” มีเรื่องราวชีวิตของเธอคนนี้มานำเสนอ…

“หญิงเป๋อ” คือชื่อเรียกที่เพื่อน ๆ และคนที่สนิทใช้เรียกขานเธอ โดยเธอเล่าว่า ฉายานี้เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็ก สมัยที่ยังเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล จากความที่บุคลิกของเธอชอบทำตัวโก๊ะ ๆ ทำให้รุ่นพี่มักจะเรียกติดปากว่า “หญิงเป๋อ” ทำให้เธอใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งวันนี้เมื่อมาสู่เส้นทางผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอล ก็มีผู้ที่เรียกขานเธอว่า “เปาหญิงเป๋อ”

สำหรับประวัติชีวิตส่วนตัว หญิง-ครองขวัญ สาขา เจ้าของฉายา “นางฟ้าเชิ้ตดำ” คนนี้ เธอเล่าให้ฟังว่า พื้นเพเป็นคน จ.สกลนคร และใช้ชีวิตเติบโตอยู่บ้านเกิดมาตั้งแต่เด็ก โดยเรียนอยู่ที่โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล ช่วงชั้น ม.1-ม.6 จากนั้นก็เรียนต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร สาขาวิชาเอกภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์ ส่วนด้านครอบครัวนั้น เธอเป็นลูกคนสุดท้องของ คุณพ่อ-ร.ต.อ.ประสพ สาขา กับ คุณแม่-ยุวรรณ สาขา โดยเธอมีพี่สาว 1 คน ชื่อ เบญจพร ซึ่งมีอาชีพเป็นทันตแพทย์ ทั้งนี้ ก่อนจะเข้าสู่ “เส้นทางผู้ตัดสินฟุตบอล นั้น เธอบอกว่า เคยผ่านเวทีประกวดสาวงามมาแล้วหลายเวที ทั้ง เวทีนางนพมาศ กับ เวทีมิสแกรนด์สกลนคร ปี 2019 จนได้ รางวัลขวัญใจเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ มาครอง

เธอเล่าให้ฟังอีกว่า เป็นคนชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก และ เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลตัวแทนของโรงเรียนและจังหวัดบ้านเกิดมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.1 โดยได้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาแห่งชาติมาแล้วหลายครั้ง สาเหตุที่เล่นกีฬาวอลเลย์บอล เธอบอกว่าเพราะเป็นความฝัน แต่ทางคุณแม่ไม่ค่อยสนับสนุน เพราะด้วยความที่คุณแม่เป็นครู จึงอยากให้ตั้งใจเรียนมากกว่า เพราะอยากให้เข้ารับราชการ เพราะทุกคนที่บ้านเป็นข้าราชการหมด แต่ทางคุณพ่อแอบสนับสนุนแบบลับ ๆ ซึ่งช่วงที่ทั้งเรียนและซ้อมกีฬาหนัก เธอก็ได้คุณพ่อคอยช่วยรับ-ส่ง ซึ่งช่วงนั้นทั้งหนักและเหนื่อย เพราะกีฬาก็ซ้อมหนัก และเรียนก็ต้องเข้มข้น

ฝันอยากเป็นนักวอลเลย์บอลมาตั้งแต่เด็ก แต่คุณแม่ไม่สนับสนุน คุณแม่ก็เลยพยายามดึงเรามาเรียน โดยหาที่เรียนพิเศษให้ แต่คุณพ่อเป็นคนที่ชอบกีฬา ท่านก็แอบสนับสนุน ช่วงนั้นวันธรรมดาก็ซ้อมจนค่ำมืด เสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องไปเรียนพิเศษตามที่คุณแม่หาไว้ให้ ตอนนั้นยอมรับว่าเหนื่อย แต่ก็พยายามทำทั้ง 2 อย่างให้ดีที่สุด เธอกล่าว

สมัยประกวดมิสแกรนด์สกลนคร 2019

พร้อมกับเล่าถึงจุดที่เลิกเล่นวอลเลย์บอลว่า หลังเล่นมาจนถึงตอนอยู่ชั้น ม.4 ด้วยความที่มีอาการบาดเจ็บข้อเท้า และป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่หนักมาก จนต้องนอนโรงพยาบาลอยู่ 2 สัปดาห์ หลังจากหายป่วย ร่างกายก็ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เพราะน้ำหนักลงไปเยอะมาก และเหนื่อยง่าย เธอจึงตัดสินใจเลิกเล่นวอลเลย์บอล และหันมาเต็มที่กับการเรียน จนจบ ม.6 ก็เลือกสอบเข้าคณะครุศาสตร์ เพราะอยากเป็นครูพละ แต่ทางคุณแม่ก็ไม่เห็นด้วย และแนะนำให้ไปเลือกเรียนสายอื่น เธอจึงเลือกเรียนเอกวิชาภาษาอังกฤษ จนมาช่วงที่เรียนปี 2 ปี 3 ตอนนั้นมีการส่งตัวแทนทุกอำเภอเข้าประกวดเวทีมิสแกรนด์สกลนคร 2019 ด้วยความที่คนเข้าสมัครยังไม่ครบ ก็มีคนรู้จักมาติดต่อให้ลงสมัคร เธอก็เลยตัดสินใจสมัคร เพราะเป็นคนชอบทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำอยู่แล้ว ซึ่งด้วยความที่ไม่เคยเข้าประกวด และชีวิตที่ผ่านมาก็ใส่แต่รองเท้ากีฬา ไม่เคยใส่รองเท้าส้นสูง ก็ได้เพื่อน ๆ ที่เคยประกวดมาก่อนช่วยฝึกให้ แต่ฝึกได้ 3 วัน ก็ต้องไปเก็บตัว ซึ่งปรากฏเวทีนั้นเธอได้รางวัลขวัญใจเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ติดมือกลับมา

หลังเวทีดังกล่าว พี่เลี้ยงนางงามก็มาติดต่อให้ไปประกวดเวทีนางนพมาศอีกหลาย ๆ เวที ซึ่งเธอบอกว่า แม้จะไม่ได้รางวัลอะไรติดมือ แต่ก็ได้ประสบการณ์มากมาย 

การประกวดมิสแกรนด์ครั้งนั้น ทำให้เราได้ประสบการณ์มากมาย ทำให้รู้ว่ากว่าที่จะได้เห็นนางงามมาเดินสวย ๆ นั้น เขาต้องผ่านการฝึก ต้องเทรนนิ่งมาหนักมาก ไม่ต่างกับการเป็นนักกีฬาเลย ซึ่งเวทีนางงามทำให้เราได้เรื่องของความอดทน และความพยายาม ซึ่งการประกวดนางงามก็เป็นอีกสิ่งที่เราชอบ และมีความสุขทุกครั้งในการได้ขึ้นเวที ซึ่งถ้าหากมีโอกาสก็คิดว่าจะลองขึ้นไปเดินบนเวทีประกวดอีกครั้งแน่นอน เจ้าของฉายานางฟ้าเชิ้ตดำ กล่าว

บรรยากาศการทำหน้าที่ของ “เปาหญิงเป๋อ”

ส่วน เส้นทางผู้ตัดสินฟุตบอล นั้น เจ้าตัวเล่าว่า ด้วยความที่มีเพื่อนเป็นครูพละ ซึ่งจะมีหลักสูตรอบรมการเป็นผู้ตัดสินฟุตบอล ที่ทุกปีจะมีการส่งนักศึกษาไปสอบที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งการฝึกอบรมการเป็นผู้ตัดสินนั้นจะมีการลงปฏิบัติเป็นผู้ตัดสินในสนามฟุตบอล ทำให้เธอมีโอกาสได้ไปดูเพื่อน ๆ ทดสอบ จึงรู้สึกชอบ ยิ่งได้เห็นเพื่อน ๆ ที่เป็นผู้หญิงลงทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในสนามฟุตบอลแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเท่มาก ๆ จึงอยากเป็นผู้ตัดสินฟุตบอลบ้าง โดยหลังจากนั้นเธอได้ไปติดต่ออาจารย์สาขาพละว่า ถ้ามีการอบรม เธอขออบรมด้วย จนที่สุดก็ได้เรียนเป็นผู้ตัดสินฟุตบอล ซึ่งเมื่อถึงภาคลงปฏิบัติ เธอก็ได้ลงทำหน้าที่ในสนามจริง โดยแมตช์แรกทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินฟุตซอล แต่การลงทำหน้าที่เชิ้ตดำครั้งแรกนั้น มีข้อผิดพลาดเยอะมาก จนถูกรุ่นพี่กับอาจารย์สวด ก็ทำให้รู้สึกแย่ แต่ก็ได้คำพูดปลอบใจจากอาจารย์ว่า ให้นำข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุง เพราะถ้าไม่เคยลงสนามจริง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเราทำหน้าที่ได้ดีหรือแย่ เธอจึงฮึดสู้ใหม่อีกครั้ง

หลังจากแมตช์นั้น อาจารย์ก็ให้โอกาสเธอลองลงทำหน้าที่ผู้ตัดสินที่ 4 ในการแข่งขันฟุตบอลชาย รุ่นอายุ 12 ปี ซึ่งก็ผ่านได้ด้วยดี ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความมั่นใจมากขึ้น จากนั้นก็มีรุ่นพี่ที่เคยอบรมด้วยกันติดต่อให้ไปทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในฟุตบอล 7 คน เดินสายชิงเงินรางวัล แม้จะไม่ใช่รายการที่เป็นทางการ แต่ก็เป็นการแข่งขันที่จริงจัง เพราะเงินรางวัลสูง ซึ่งหากมีความผิดพลาดย่อมไม่ใช่เรื่องดี เพราะไม่ได้มีความปลอดภัยเหมือนแมตช์ที่เป็นทางการ

ภาพสมัยยังเป็นนักศึกษา

ตอนแรกก็ไปปรึกษาอาจารย์พละ เขาก็แนะนำว่าไม่ให้ไปเพราะเรายังไม่มีประสบการณ์ในการลงเป่าแมตช์จริงจังมาก่อน แล้วยิ่งเป็นรายการชิงเงินรางวัลที่เยอะมาก จึงห่วงเรื่องความปลอดภัยของเรา จากนั้นเราก็ไปปรึกษาเพื่อน ๆ ที่อยู่สมาคมฟุตบอลฯ เพื่อนก็แนะนำไม่ให้ไปเหมือนกัน เราก็เลยปฏิเสธไป แต่พี่คนนี้เขาก็โทรฯ มาตื๊ออีก 3-4 ครั้ง โดยเขาบอกว่าให้มั่นใจ เขาจะประคับประคองให้เอง เราก็เลยตัดสินใจว่าเอาไงเอากัน ลองดูก็ได้ ซึ่งยอมรับว่าแมตช์นั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ทำให้ได้รับประสบการณ์มากมาย และได้เรียนรู้หลายเรื่อง ทั้งเรื่องการจัดการอารมณ์ การจัดการกับนักกีฬา เธอกล่าว และเล่าต่อว่า ด้วยหน้าที่ แน่นอนว่าเธอต้องรับแรงกดดันเยอะมาก ทั้งจากนักกีฬาในสนาม ทั้งจากกองเชียร์ ทำให้เครียด โดยตอนทำหน้าที่ใหม่ ๆ เธอจะโดนนักฟุตบอลที่เก๋า ๆ เข้ามากดดัน ซึ่งบางครั้งก็มีวีนไปบ้าง แต่พอเริ่มมีประสบการณ์ ก็เริ่มจัดการแรงกดดันได้ดีขึ้น ส่วนเรื่องของกองเชียร์นั้น เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเก็บอารมณ์ให้ดี …นางฟ้าเชิ้ตดำ บอกเล่าประสบการณ์ที่ได้รับจากการลงทำหน้าที่ในแมตช์ที่มีเดิมพัน

เธอเล่าต่อไปอีกว่า ยึดอาชีพเป็นผู้ตัดสินในรายการเดินสายมาตลอด จนในช่วงที่เรียนจบ เธอก็ย้ายเข้ากรุงเทพฯ โดยก่อนหน้านั้นเธอได้คุยและขอกับคุณพ่อคุณแม่แล้วว่า ขอเวลา 2-3 ปีที่จะลองทำอาชีพนี้จริงจัง หากว่าทำแล้วไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ หรือไม่ชอบจริง ๆ เธอก็จะกลับไปสอบบรรจุเป็นครูตามที่คุณแม่อยากให้เป็น ก็ทำให้ได้รับอนุญาตให้ลองทำตามความฝันในเรื่องนี้ โดยในช่วงที่ทำหน้าที่ผู้ตัดสินฟุตบอลรายการเดินสาย เธอก็พยายามสอบเป็นผู้ตัดสินฟุตบอลของสมาคมฯ ไปด้วย และที่สุดเธอก็สอบผ่านการเป็นผู้ตัดสินฟุตบอลของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้สำเร็จ ซึ่งเวลานี้รอการประกาศรับรองจากทางสมาคมฯ ซึ่งหากได้การรับรอง ก็จะทำให้เธอสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในลีกฟุตบอลอาชีพได้ สามารถจะตามฝันได้

คุณแม่ พี่สาว และคุณพ่อ

ตอนนี้เหมือนเป็นแค่บทเริ่มต้นในการเป็นผู้ตัดสินอาชีพ ซึ่งเรารู้ตัวดีว่ายังต้องใช้ความมุ่งมั่นตั้งใจและความพยายามอีกมาก  นางฟ้าเชิ้ตดำบอกเรื่องนี้กับเราด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ก่อนจะบอกด้วยว่า เธอยังเป็น “ผู้ตัดสินรุ่นใหม่” โดยในทางเทคนิคจะเรียกว่าขั้น 3 ซึ่งในการทำหน้าที่ เธอจะสามารถตัดสินได้เฉพาะรายการแข่งขันระดับเยาวชน ยูธลีก และลีก 3 เท่านั้น ทั้งยังต้องเริ่มจากการทำหน้าที่เป็น “ผู้ตัดสินที่ 4” ไปก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ ขยับไปเป็น ไลน์แมน หรือ ผู้กำกับเส้น ก่อนที่จะได้เป็น “ผู้ตัดสินหลัก” ตอนนี้เธอต้องใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อเก็บคะแนนไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อน

ก่อนจบบทสนทนากับ “ทีมวิถีชีวิต” ทาง หญิงเป๋อ-ครองขวัญ เจ้าของฉายา “นางฟ้าเชิ้ตดำ” กล่าวกับเราว่า ฝันของเธอคือได้เป็นผู้ตัดสินระดับฟีฟ่า และได้ทำหน้าที่ตัดสินเกมต่างประเทศ นอกจากนั้น อีกหนึ่งความฝันที่มีก็คือ การได้เป็นผู้ตัดสินในลีกฟุตบอลชาย ที่เธอมองว่าท้าทายมาก โดยเธอย้ำถึงความฝันเหล่านี้ว่า ถ้ามีโอกาสก็จะพยายามให้ถึงที่สุด…

เพื่อคว้าฝันมาให้ได้

‘คาถามุ่งมั่น’ กับ ‘คีย์ซัคเซส’

“หญิง-ครองขวัญ” บอกว่าการเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ไม่มีวันไหนง่ายสำหรับเธอแม้สักวันเดียว แต่เธอก็ทำได้ เพราะว่าเธอ มุ่งมั่นที่จะทำฝันให้สำเร็จ โดยเธอให้คำแนะนำไปถึงน้อง ๆ ที่มีเป้าหมายอยากจะเป็น “สิงห์เชิ้ตดำ” เช่นเดียวกับเธอว่า ปัจจุบันผู้ตัดสินผู้หญิงเริ่มมีคนสนใจมากขึ้น ซึ่งคุณสมบัติของผู้ตัดสินฟุตบอลที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น แทบไม่ต่างจากคุณสมบัติที่นักกีฬาทุกคนต้องมี นั่นคือ ต้องมีวินัย-มีความรับผิดชอบ ซึ่งถึงแม้ผู้ตัดสินฟุตบอลจะไม่ใช่นักกีฬา แต่เรื่องความพร้อมความฟิตของสภาพร่างกายก็มีความสำคัญ ดังนั้น จึงต้องหมั่นฝึกซ้อมร่างกายให้ดีไม่ต่างจากนักกีฬา เพราะเวลาลงทำหน้าที่จะต้องวิ่งตลอดแทบไม่ได้พัก เพื่อให้ทันเกมที่ดำเนินไป ซึ่งสำหรับการฝึกซ้อมของเธอนั้น เธอเล่าว่า ไม่ต่างจากตอนที่เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล โดยเธอจะพยายามวิ่งออกกำลังกายทุกวัน อีกทั้งยัง ต้องศึกษากฎกติกาเพิ่มเติมตลอด เพื่อให้แม่น เนื่องจากกฎกติกาอาจมีการเปลี่ยนแปลง หากไม่อัพเดท แม้จะเป็นผู้ตัดสินที่มีประสบการณ์ ก็อาจตัดสินผิดพลาดได้.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน