หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตานางเอกสาว ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร จากผลงานแจ้งเกิดภาพยนตร์เรื่อง “ร่างทรง” แต่กว่าจะมีทุกวันนี้บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เริ่มต้นตั้งแต่เป็นนักแสดงโนเนม สัปดาห์นี้ คอลัมน์ “ดาวต่างมุม” ไม่พลาดนัด “ญดา” มานั่งพูดคุยแบบทุกซอกทุกมุม รวมถึงเรื่องที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอสนใจเรื่องธรรมะ มีเซ้นต์ และยังสามารถดูดวงได้อีกด้วย

จุดเริ่มต้นของการเป็นนักแสดง?

“เราเข้ามาในวงการบันเทิงโดยไม่รู้จักใครเลย ไม่มีพื้นฐานด้านการแสดงเลย แต่มีคุณพ่อของเพื่อนสนิท เขาเป็นคนในวงการโฆษณา เขาเลยชวนลูก ๆ หลาน ๆ ไปถ่ายรูปที่โมเดลลิ่ง ตอนนั้นมีเด็ก ๆ ไปกัน 5-6 คน แต่มีหนูคนเดียวที่ได้รับฟีดแบ็กว่าให้กลับไปแคสงาน ตอนนั้นหนูเรียนอยู่ที่ จ.อุทัยธานี พอเขาเรียกมาแคสงานทีนึงก็ต้องตีรถจากต่างจังหวัดเข้ามา กว่าจะถึงก็เป็นคนสุดท้าย เพราะมืดแล้ว หนูแคสงานประมาณ 13 ครั้ง ถึงจะเริ่มได้งานชิ้นแรก มีจุดเปลี่ยนตรงที่คุณแม่บอกว่าถ้าเกิดมาครั้งนี้ไม่ได้งาน จะไม่พามาอีกแล้ว เพราะเสียเวลา เสียค่าเดินทาง เสียการเรียน หนูจำได้ว่าตัวเองร้องไห้เป็นหนังชีวิตเลย นั่งอยู่ในรถตอนฝนตก กลัวจะไม่ได้กลับ แต่สรุปว่าวันนั้นแคสไป 5 งาน ได้รับการคอนเฟิร์มกลับ 3 งาน เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เข้าวงการจริง ๆ เพราะถ้าแคสไม่ผ่านคงไม่ได้กลับมาอีกแล้ว”

จำความรู้สึกที่ได้ค่าขนมครั้งแรกได้ไหม?

“จำได้ค่ะ มีเรื่องพีค ๆ ในชีวิตหนูเยอะเลย หลังจากที่เราถ่ายงานโฆษณาเรียบร้อย และรอเงินออก คุณแม่หนูก็ป่วย ปวดท้องอย่างหนัก แล้วคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน ที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเทอม ค่ากินค่าอยู่ จะมาจากคุณพ่อเป็นหลัก แล้วพอคุณแม่ป่วย ธุรกิจคุณพ่อก็ไม่ค่อยดี ตอนนั้นหนูเลยบอกกับคุณแม่ว่า เดี๋ยวหนูจะเอาเงินจากการถ่ายโฆษณามารักษาแม่เอง เงินก้อนแรกของหนูประมาณครึ่งแสน เลยไปรักษาคุณแม่หมดเลย หลังจากนั้นรายได้ของหนูที่มาจากการถ่ายโฆษณาต่าง ๆ และการทำงานในวงการ เลยกลายเป็นรายได้หลักที่ทำให้หนูได้เลี้ยงดูครอบครัวเลย ทุกบาททุกสตางค์เราไม่ได้เก็บมาเป็นของส่วนตัว หนูให้คุณแม่จัดการค่าใช้จ่ายในบ้านหมดเลย”

อัพเดทผลงานตอนนี้หน่อย?

“ผลงานที่กำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้คือเรื่อง “เมียหลวง” ทาง WETV มีละครเรื่อง  “ผู้ใหญ่ลีศรีบานเย็น”  ทางช่องเวิร์คพอยท์ ที่ปิดกล้องไปแล้ว แล้วก็มีละครที่กำลังถ่ายทำอยู่ คือเรื่อง “กรงดอกสร้อย” และ “ขวัญฤทัย” จากละครชุด “ดวงใจเทวพรหม” ทางช่อง 3 นอกจากนี้ก็มีซีรีส์ และมีหนังค่ะ จะได้เจอหน้าญดาทั้งปีเลย”

7 ปีในวงการบันเทิงเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง?

“เห็นอะไรหลายอย่างแน่นอน เพราะเราอยู่มาทุกจุด ตั้งแต่เป็นเด็กที่โนเนมมาก ๆ แทบจะเป็นตัวประกอบ จนมาเป็นนางเอก บางเรื่องอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำร้ายความรู้สึกเราบ้าง แต่ก็เป็นบทเรียนที่ทำให้เราได้เติบโตขึ้น และขัดเกลาตัวเองให้ดีขึ้น เราจะไม่ทำในสิ่งที่คนอื่นทำกับเราในวันที่เราเคยเป็นคนตัวเล็กมาก ๆ จะไม่ทำให้ใครรู้สึกแย่ในแบบเดียวกับที่เราเคยรู้สึก เพราะเราเคยผ่านมาแล้ว”

ภาพยนตร์เรื่อง ‘ร่างทรง’ เปลี่ยนชีวิต?

“เป็นจุดเปลี่ยนที่ใหญ่มากค่ะ เราทำงานในวงการบันเทิงมา 7 ปี แต่ผลงานที่ผ่านมายังไม่เป็นที่รู้จัก และยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่พอเราเล่นหนังเรื่องนี้ และมีรางวัลการันตี เราเลยมีงานและได้รับโอกาสดี ๆ เยอะมาก ทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ เราก็เอนจอยสุด ๆ 7 วันแทบไม่มีวันว่างเลย แต่ก็แอดมิดไปสองรอบ เข้าโรงพยาบาลกลางดึก แล้วก็ออกไปถ่ายละครต่อเลย”

 มีผลต่อความเครียดไหม?

“พอร่างกายเราเหนื่อยมาก ๆ เราก็จะเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัว ร่างกายเริ่มประท้วงว่าต้องนอน เพราะเราพักผ่อนน้อย แต่ด้านจิตใจไม่ค่อยมีกระทบเท่าไหร่ เพราะเรานั่งสมาธิทุกวันเลยค่ะ บางทีอยู่ในกองคนก็จะคิดว่าเราหลับ แต่จริง ๆ เรานั่งสมาธิจนหลับแล้วเราไม่ได้จำกัดเวลาในการนั่งสมาธิแต่ละครั้ง เอาที่ตัวเองสะดวก ซึ่งเราเป็นคนชอบฟังธรรม เวลาฟังธรรมก็เหมือนได้นั่งสมาธิไปด้วย เลยช่วยเรื่องสภาพจิตใจมาก ๆ จริง ๆ คนจะเข้าใจผิดว่าการนั่งสมาธิจะต้องไม่คิดเรื่องอะไรเลย แต่เราคิดได้นะคะ เป็นเรื่องธรรมชาติ แค่นั่งดูจิตของเราไปเรื่อย ๆ ว่าตอนนี้เรากำลังคิดอะไรอยู่เท่านั้นเอง”

ญดาเป็นเด็กรุ่นใหม่อะไรทำให้เราสนใจด้านนี้?

“เพื่อน ๆ ก็งงมากว่าทำไมเราถึงมาสายนี้ อาจจะเริ่มจากตอนเด็ก ๆ ที่เรากำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ และเป็นเด็กดื้อ แม่บอกซ้ายก็จะไปขวา แล้วคุณแม่ก็เลยจับหนูไปบวชถือศีล 8 อยู่วัด โดยที่คุณแม่ก็ไม่ได้ไปด้วย แล้วหนูก็ไปสวดมนต์นั่งสมาธิ โดยที่ไม่รู้เลยว่าจะทำไปเพื่ออะไร ซึ่งวัดที่เราไปอยู่ในชนบท เขาไม่ได้สอนอะไรมาก เหมือนเราไปนั่งหลับตาเฉย ๆ แต่วันนั้นมีผลกับตัวเรามาก ไม่ได้ถึงขั้นรู้แจ้งเห็นจริงนะคะ (ยิ้ม) แต่เรารู้สึกว่าจากแก้วน้ำที่มีตะกอน มีอะไรขุ่น ๆ พอถึงจุดที่สงบปุ๊บ สิ่งที่อยู่ในใจเราได้ตกตะกอน เลยทำให้เรารู้ว่าความรู้สึกสงบ มีความสุขจริง ๆ เป็นอย่างนี้นี่เอง หลังจากนั้นเราเลยเริ่มมาศึกษาธรรมะมาเรื่อย ๆ”

รู้มาว่าญดามีเซ้นต์ด้วย?

“จริง ๆ เราจะมีลางสังหรณ์บางเรื่อง อย่างตอนเด็ก ๆ เราเคยฝันเห็นคน ๆ หนึ่ง ว่ามีลักษณะแบบนี้ ๆ แต่อีกไม่นานคน ๆ นั้นก็จะได้เข้ามาอยู่ในชีวิต หรือตอนเด็ก ๆ เราเคยฝันเห็นภาพของบ้านที่อยู่ปัจจุบัน แล้วเราก็ได้มาอยู่บ้านหลังนี้จริง ๆ ซึ่งเราเพิ่งมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่กี่ปี แต่หนูฝันเห็นตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ แล้ว”

ดูดวงได้ด้วย?

“หนูดูดวงได้ค่ะ ตัวตึงเลย เคยไปเรียนดูดวงแบบจริงจัง เป็นศาสตร์ที่เรียกว่าไพ่พรหมญาณ แล้วก็มีเรื่องของโหราศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในรูปของไพ่จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หมดเลย เช่น พระแม่ธรณี ท้าวเวสสุวรรณ พระพิฆเนศ ฯลฯ ถ้าใครที่เป็น
สายมู อยากรู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประจำตัวเรา คือ เทพองค์ไหน ต้องถามไพ่ชุดนี้ เราชอบด้านนี้ก็เลยไปให้สุด คุณแม่หนูไปเรียนก่อน แล้วหนูก็ไปเรียนตาม เพื่อน ๆ ที่เราดูให้ก็บอกว่าตรง ว่าแม่นนะ แต่หนูไม่ค่อยอยากดูให้ใครแล้ว เพราะพอได้ไพ่ไม่ดี เราไม่รู้จะพูดยังไงในทางอ้อม ก็จะบอกแนวทางเขาไป กับสิ่งที่เขาทำแล้วให้ทุกอย่างเบาลง แต่ทุกวันนี้คุณแม่รับดูดวงค่ะ ติดต่อได้ที่ พิมพลอยพรหมญาณ นะคะ (ยิ้ม) แอดไลน์มาได้เลย”

เปลี่ยนชื่อแล้วปัง?

“เราไม่ได้เชื่อแบบงมงายนะคะ แต่พอดีว่าสิ่งที่เขาทำนายมาตรงกับชีวิตเรา เลยคิดว่าลองเปลี่ยนซิ ถ้าเกิดแม่นจริง (หัวเราะ) เป็นคนที่ท้าทายอยู่ในระดับหนึ่ง แล้วเราก็ปรึกษาคุณแม่ เพราะชื่อเราคุณพ่อคุณแม่ก็ตั้งให้ เราก็ไม่ได้อยากจะเปลี่ยน แต่คุณแม่ก็ไม่ขัด เพราะก็เชื่อเรื่องนี้ ซึ่งทั้งชื่อเล่น ชื่อจริง นามสกุล หนูเป็นกาลกิณี เราสังเกตว่า มีผลจริง ๆ ทั้งกับเรื่องงาน เรื่องสุขภาพ เรื่องการเงิน พอเปลี่ยนปุ๊บ 3 วัน เราก็ได้หนังเรื่อง “ร่างทรง” แล้วชีวิตก็พลิกเลย แต่ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อ เราทำบุญ ทำทาน รักษาศีล ไปปฏิบัติธรรม อยู่แล้ว โดยที่เราไม่ได้ทำเพื่อหวังผลอะไรนะคะ แต่พอเราทำดี สิ่งที่ได้กลับมาก็ต้องดีอยู่แล้ว เป็นกฎของธรรมชาติ ที่เกื้อหนุนกันในหลาย ๆ อย่าง ไม่ใช่เปลี่ยนชื่อแล้วชีวิตดีเลย เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดว่าไปเปลี่ยนชื่อบ้างดีกว่า ชีวิตจะได้ดี แต่ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมก็ไม่ใช่”

ดูดวงเรื่องความรักไหม?

“ดูค่ะ จะเหลือหรอคะ (หัวเราะ) แต่เขาบอกว่าให้ทำงานไปก่อน เศร้านะคะ หนูสังเกตตัวเองเหมือนกันว่า งานดี เงินดี ครอบครัวดี ทำไมไม่มีความรัก คือจริง ๆ ก็มีคนเข้ามาจีบ ถ้าบอกว่าไม่มีเลยก็โกหก แต่เรารู้สึกว่ายังไม่ใช่ เรามีสเปกในอุดมคตินะคะ แต่หลาย ๆ อย่างต้องใช้ความรู้สึกด้วย ก็ยังไม่เจอสักที จนได้เจออาจารย์เชียง คือเรามาทางสายนี้จริง แต่ไม่ได้เชื่อทุกคนแบบไม่มีเหตุผลนะคะ จะฟังแล้วพิจารณาก่อนว่าสิ่งที่เขาพูดมาว่ามีน้ำหนักแค่ไหน เราเคารพในแนวทางของอาจารย์เชียงมาก ๆ เพราะเป็นสายปฏิบัติแนวพุทธ ก็ได้รับคำสอนจากอาจารย์ ซึ่งอาจารย์ก็บอกวิธีแก้มาแล้ว ถ้าไปแก้แล้วจะถ่ายรูปมาฝากทุกคนแล้วจะบอกว่าพร้อมแล้วนะคะ (หัวเราะ)”

ถ้าไม่พูดถึงเรื่องดวง คนที่จะเข้ามาต้องเป็นยังไง?

“เราเป็นคนที่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก ความคิดเราโตขึ้นกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน คนที่จะเข้ามาคุยหรือเข้ามาเป็นแฟนก็ต้องโตกว่า อาจจะไม่ใช่เรื่องอายุ แต่เป็นเรื่องของความคิด เพราะที่ผ่านมาเราเป็นผู้นำมาตลอด เลยอยากเป็นผู้ตามบ้าง อยากเป็นตัวเล็กตัวน้อย ตัวอ้อน ตัวดื้อบ้าง เลยรู้สึกว่าอยากได้คนที่มีความเป็นผู้นำ สอนและให้คำปรึกษาเราได้ และที่สำคัญต้องรักครอบครัวเราได้ และรักแม่เราด้วย”

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟนคลับไหม?

“ถ้าไม่มีคนดู ไม่มีแฟนคลับ เราคงมาถึงจุดนี้ไม่ได้ ต้องขอบคุณทุกคน อย่างแฟนคลับบางคนอยู่กันมานานจริง ๆ ตั้งแต่เราอายุ 13-14 ปี เขาช่วยซัพพอร์ตเราหลายเรื่องมาก ๆ ถ้าไม่มีเขา ก็คงไม่มีเราในวันนี้ (ยิ้ม) ซึ่งปีนี้และต่อ ๆ ไป ใครที่คิดถึงและอยากเห็นผลงานอย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ดูกันให้ตาแฉะกันไปเลย มีผลงานให้ติดตามมากมายแน่นอน มีอะไรก็ติชมกันมาได้นะคะ หนูน้อมรับทุกคำติชมค่ะ”.

นฤมล แซ่แต้ : เรื่อง